ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ แต่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง อาจจะเริ่มการทำธุรกิจด้วยการติดต่อซื้อธุรกิจแฟรนไชส์จากผู้ขายแฟรนไชส์ (Franchisor) ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ขายธุรกิจแฟรนไชส์ในหลายประเภทธุรกิจ เช่น ธุรกิจค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม โรงเรียนกวดวิชา สถานเสริมความงาม บริการ ฯลฯ
 

แต่ก็อย่าลืมไป แม้ว่าเราจะเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์มาประกอบธุรกิจ ทำงานทุกอย่างตามระบบที่เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์กำหนดเอาไว้ให้ แต่แฟรนไชส์ซีก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ก็ต้องรู้ว่าร้านค้าหรือธุรกิจที่ซื้อมาแล้วจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาษี 
 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ขอพาผู้ที่จะซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ไปดูว่า ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจต้องทำอย่างไรบ้าง และที่สำคัญจะต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของภาษีด้านไหนบ้างครับ  

 

ขั้นตอนเตรียมธุรกิจแฟรนไชส์
 

 

1.การซื้อวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบธุรกิจ
 

 

ในกรณีที่เรามีลูกจ้าง เราต้องทำการเสียภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปที่ เราจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือโบนัส ฯลฯ
 

3. การจัดหาสถานที่ตั้ง 
 

สำหรับผู้ให้เช่าต้องเสียภาษีเงินได้ ในฐานะที่มีรายได้จากการให้เช่า และต้องเสียค่าอากรแสตมป์ตามมูลค่าของสัญญาเช่า ส่วนสำหรับผู้เช่าเฉพาะกรณีที่เป็นนิติบุคคล การจ่ายค่าเช่าต้องเสียภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายด้วยนะ

เรามีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเจ้าของแฟรนไชส์ ในฐานะเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ เมื่อจ่ายค่าแฟรนไชส์

 

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
 

ต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 ครั้ง ได้แก่

 

ต้องยื่นแบบชำระภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่หรือทางอินเทอร์เน็ตปีละ 2 ครั้ง ได้แก่

ทั้งหมดเป็นการเริ่มต้นธุรกิจสำหรับแฟรนไชส์ซีหรือผู้ซื้อแฟรนไชส์ แม้ว่าจะเสียค่าแฟรนไชส์ รวมถึงค่าสิทธิต่างๆ ให้แก่เจ้าของแฟรนไชส์แล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าจะต้องเสียภาษีต่างๆ สาหรับการดำเนินธุรกิจในฐานะแฟรนไชส์ซีด้วยเหมือนกัน
 

ใครสนใจซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ คลิก https://goo.gl/IjHwkY 
 

อ่านบทความต่างๆ เกี่ยวกับแฟรนไชส์ คลิก https://goo.gl/RLCasG 
 

อ้างอิงข้อมูล http://taxclinic.mof.go.th