บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
4.3K
4 นาที
2 พฤษภาคม 2561
เจาะลึก Bitcoin นวัตกรรมเปลี่ยนโลก กับคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา รู้ก่อนรวยก่อน!

 
โลกของธุรกิจมีการขับเคลื่อนตัวเองอยู่ตลอดเวลา นวัตกรรมต่างๆ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายสำคัญคือการลดต้นทุนทางธุรกิจให้มากที่สุด เช่น Credit card ที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 1950 , ATM ตั้งแต่ปี 1967, Online banking ที่เริ่มเป็นครั้งแรกในปี 1980 สิ่งที่เราได้เห็นคือลำดับขั้นของพัฒนาการจากยุคหนึ่งไปอีกยุคหนึ่งจนมาถึงปัจจุบันที่คนพูดถึงคำว่า “FinTech” และเราก็ได้ยินชื่อของ Blockchain และ Bitcoin ตามมา
 
www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าทั้ง 3 คำนี้หลายคนยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไรและจะมีประโยชน์อะไรกับการทำธุรกิจ และหากได้ตามข่าวเศรษฐกิจจะยิ่งงงกันไปใหญ่ว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ทำไมมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยและตกลงแล้วนวัตรกรรมใหม่นี้มันดีหรือไม่ดีในเชิงธุรกิจอย่างไร

วันนี้เราได้พูดคุยกับคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซึ่งเป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้ง coins.co.th (previously co-founder of coins.co.th) ที่จะอธิบายให้เราเข้าใจเทคโนโลยีการเงินตัวใหม่ล่าสุดที่คุณจิรายุส บอกเลยว่า “ใครเข้าใจก่อน รู้ก่อน ลงมือทำก่อน โอกาสเป็นมหาเศรษฐีคนต่อไปนั้นไม่ยาก”
 
ปัจจุบันเรามีมหาเศรษฐีอย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยการใช้เฟสบุ๊ค หรือก่อนหน้านั้นมหาเศรษฐีของโลกอย่างสตีฟ  จ๊อบส์ที่เข้ามาพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เป็นรายแรก ในอนาคตหากใครเข้าใจคำว่า Blockchain ดีพอก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่ของโลกได้เช่นกัน
 
Bitcoin กับ Blockchain คืออะไร


แท้จริงแล้ว จุดเริ่มต้น Blockchain มากจากความพยายามในการพัฒนาฟินเทคประเภท Bitcoin เพื่อสร้าง Digital currency ที่มีความน่าเชื่อถือ โดย Bitcoin มีจุดเริ่มต้นประมาณปี 2008 โดย Satoshi Nakamoto เป็นผู้สร้างซอฟต์แวร์ Bitcoin โปรโตคอล และปล่อยให้เป็นซอฟต์แวร์ Open-source ในปี 2009

ซึ่ง Bitcoin ก็คือตัวกลางในการแลกเปลี่ยนชนิดใหม่ผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตหรือกระทั่งบัญชีธนาคาร โดยที่ระบบมีการเข้ารหัสขั้นสูงพร้อมทั้งมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ Bitcoin ถูกพัฒนาภายใต้เครือข่ายแบบ P2P 

ซึ่งหมายความว่า ไม่มีสถาบันหรือองค์กรใดไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือธนาคาร สามารถมีอำนาจควบคุมหรือเอา Bitcoin ไปได้ โดยธุรกรรมของ Bitcoin เป็นสาธารณะ ตรวจสอบได้ และถูกจัดเก็บไว้ในระบบที่เรียกว่า Blockchain
 
มูลค่าของ Bitcoin นั้นจะไม่ผูกติดกับเงินสกุลใดคล้ายคลึงกับหุ้นหรือทรัพย์สินที่ถูกกำหนดโดยกำลังการซื้อและกำลังการขายในช่วงเปิดตลาด ปัจจุบันที่มูลค่าของ Bitcoin อาจผันผวนมาก เมื่อเทียบกับสกุลเงินและสินค้าโดยทั่วไปเป็นเพราะตลาด Bitcoin ยังมีขนาดเล็กแต่ความผันผวนนี้จะลดลงเมื่อสกุลเงิน Bitcoin เติบโตขึ้น และตลาดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น 
 
ทั้งนี้โดยทั่วไปเราอาจรู้จัก Bitcoin ว่าเป็นสกุลเงินสักอย่างที่โอนไปโอนมาในเนตได้ซึ่งการที่ Bitcoin มีราคาขึ้นลงตามกำลังการซื้อเช่น ถ้าในขณะนั้น 1 Bitcoin มีมูลค่าเท่ากับ 28,000 บาท เราก็สามารถกำเงิน 28,000 บาท เข้าไปซื้อ Bitcoin จากเว็บที่เปิดให้เราสามารถซื้อได้ และเราก็จะได้ Bitcoin มาประดับกระเป๋าตังค์ที่จับต้องไม่ได้ และถ้าปล่อยไปสักพักนึงราคา Bitcoin อาจจะขึ้นเป็น 30,000 บาท เราก็สามารถเอา Bitcoin ที่เราถือไว้ไปขายและได้เงินมา 30,000 บาทออกมาใช้ได้เป็นต้น 
 
*** จำนวนเงินที่อธิบายเป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพไม่ใช่มูลค่าจริง ***
 
อย่างไรก็ตามวิธีการสร้างรายได้จาก Bitcoin โดยหลักก็มีด้วยกัน 2 วิธีคือ
1.การขุด


คือการใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะทางในการเปิดโปรแกรมค้างเอาไว้ โดยโปรแกรมจะแสวงหา Bitcoin ที่อยู่ในระบบทั้งนี้ผู้ออกแบบระบบได้เทียบจำลองเสมือน Bitcoin เป็นทองคำที่มีมูลค่า เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็สามารถนำไปใช้จ่ายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจว่าการขุด Bitcoin นั้นต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง

2.การเก็งกำไร

ไม่ว่าจะได้ Bitcoin มาจากการขุด หรือแลกเปลี่ยนมาจากเงินจริง หากเก็บเงินสกุล Bitcoin นั้นไว้ แล้วนำกลับมาแลกเปลี่ยนกลับเป็นเงินจริงอีกครั้งในช่วงที่ Bitcoin มีราคาสูงขึ้น ก็จะมีรายได้จากส่วนต่างเสมือนเป็นการเก็งกำไรค่าเงินหรือทองคำนั่นเอง ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยความชำนาญในระดับหนึ่งเช่นกัน
 
ถึงแม้ว่า Bitcoin จะเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่าจะพลิกโฉมวงการธุรกิจได้แต่ในปัจจุบันการเข้าถึงและเข้าใจร่วมถึงการขัดต่อกฏหมายในบางประเทศที่ยังไม่เอื้อต่อการใช้ Bitcoin ก็ทำให้เทคโนโลยีนี้ยังไม่แพร่หลายมากนักซึ่งหากจะมองเฉพาะที่ตัวของ Bitcoin เองที่มีผลดีต่อการทำธุรกิจสามารถแยกมาเป็นประเด็นน่าสนใจได้ดังนี้
 
ประโยชน์ของ Bitcoin ในการพัฒนาธุรกิจSMEs
1.เพิ่มความสะดวกในการโอนเงินข้ามประเทศ
 

ปัจจุบันการโอนเงินข้ามประเทศนั้นมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงเฉลี่ย 8-15% ทำให้แรงงานที่ต้องการส่งเงินกลับบ้านนั้น ต้องเสียเงินไปกับค่าธรรมเนียมเหล่านี้จำนวนไม่น้อย แต่ด้วยเทคโนโลยีบิทคอยน์การโอนเงินข้ามประเทศจะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากจนแทบจะไม่มีเลยด้วยข้อได้เปรียบทางด้านค่าธรรมเนียมนี้ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมขนาดเล็กหรือใหญ่ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น 
 
2.โอกาสสร้างกำไรของธุรกิจจากค่าธรรมเนียมที่เกือบจะ0%


โดยปกติการชำระเงินสำหรับลูกค้าต่อธุรกิจในปัจจุบันส่วนใหญ่มักใช้บัตรเครดิต ที่จะมีค่าธรรมเนียมแฝงอยู่ดยผู้ประกอบการที่รับเงินในช่องทางนี้ต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมให้ผู้ให้บริการระบบชำระเงินสูงถึงกว่า 3-5%  ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ ร้านถึงชอบออกโปรโมชั่นโดยให้ลูกค้าจ่ายเงินสดแล้วจะได้ลดราคา หรือ บางร้านถึงขั้นถ้าลูกค้าจ่ายบัตรเครดิตจะถูก Charge เงินบางส่วนเพิ่ม

สมมุติให้เห็นภาพเช่นถ้าเรามีบริษัทแล้วมีกำไรจากธุรกิจ 6%ต่อปี และต้องมาเสียค่าธรรมเนียมให้ผู้บริการบัตรเครดิตอีกปีละ 3% เท่ากับว่ากำไรเราจะหดหายไปกว่าครึ่ง เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Wikipedia, Expedia, Dell, Microsoft และ Tesla ถึงตั้งใจที่จะรับการชำระเงินด้วย Bitcoin เพราะการชำระเงินในระบบนี้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากหรือเรียกได้ว่าใกล้เคียง 0% ซึ่งค่าธรรมเนียมที่ลดต่ำแบบสุดๆ นี้เท่ากับจะกลายมาเป็นกำไรที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยได้มากขึ้น
 
3.เป็นกระเป๋าเงินในโลกอนาคตที่ปลอดภัย
 
ในบางประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยังไม่พร้อม การเปิดบัญชีธนาคาร และการส่งเงินไปยังจุดต่างๆ มีความเสี่ยงสูง ซึ่ง Bitcoin นี้จะทำหน้าที่เหมือนบัญชีธนาคาร ลูกค้าสามารถฝาก/ถอน/โอน เงินเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์รวมถึงการเติมเงินมือถือ ชำระบิลต่างๆ ได้ผ่านทางมือถือหรือคอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัยและสะดวกรวดเร็ว โดยทั้งหมดนี้ใช้เครือข่าย Blockchain เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง

รวมถึงยังสามารถต่อยอดไปสู่ตลาดกู้ยืมเงินที่ระบบของ Blockchain สามารถตรวจสอบข้อมูลอมูลประวัติทั้งหมดที่สามารถช่วยให้ผู้ปล่อยกู้สามารถประเมินความเสี่ยงและเสนออัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมให้กับผู้กู้ได้
 
4.การขายของออนไลน์ในระหว่างประเทศจะง่ายขึ้นอีกมาก
 

นอกจาก Bitcoin จะเป็นการทำธุรกรรมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำสุดหรือในบางกรณีก็ไม่มีค่าธรรมเนียมเลย Bitcoin  ยังแก้ปัญหาเรื่อง Payment ที่เราสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศกันได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เรื่องของ Payment ไม่ตรงกันทำให้ไม่สามารถรับชำระเงินต่อกันได้ ซึ่ง Bitcoin จะมาเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ทั้งหมด
 
5.ไม่มีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ

บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านบิทคอยน์ แปลว่า เมื่อจำนวนบิทคอยน์ในตลาดถึง 21 ล้านบิทคอยน์แล้วก็จะไม่สามารถมีเพิ่มได้อีก ซึ่งทำให้ไม่มีอัตราการเฟ้อของบิทคอยน์ และในความเป็นจริงอัตราเงินฝืด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ราคาของสินค้าและบริการตกลงสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าสกุลเงินบิทคอยน์สามารถหารลงไปได้เรื่อยๆ ทำให้ซื้อ-ขายในจำนวนที่น้อยมากๆ ได้ ซึ่งหารลงไปได้เท่าไรก็ไม่สำคัญ เพราะว่ามีอุปทานเท่าเดิม

ตัวอย่างเช่น Zimbabwe ที่เคยเกิดปัญหาภาวะอัตราเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ขนาดที่มูลค่าของเงินที่มีในมือแค่เพียงข้ามวันอาจกลายเป็นแค่เศษกระดาษทันที แต่ Bitcoin สามารถเข้าไปช่วยประเทศเหล่านี้ได้โดยทำตัวเปรียบเสมือนค่าเงินทางเลือกที่ใช้กันในประเทศ
 
อนาคตของ Bitcoin เริ่มชัดเจนและแพร่หลายมากขึ้น
 

หลังจากที่ Bitcoin ได้ถูกสร้างขึ้น ธนาคารที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อย่าง Santander ของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศถึงโครงการนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้กับระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือสากล ซึ่งได้รับการคาดการณ์ว่าจะมาเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจการโอนเงินในไม่ช้า

ส่วนทางฝั่งของทวีปเอเชีย อย่าง Mizuho จากประเทศญี่ปุ่น ก็ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก Fujitsu ในการนำจุดเด่นของเทคโนโลยี Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูงมาทดลองสร้างระบบซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศเพื่อลดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนสิทธิความเป็นเจ้าของและระยะเวลาการดำเนินการจากหลายวัน เป็นเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน 
 
มีรายงานข่าว thaitribune online ระบุว่า Bitcoin เริ่มเปลี่ยนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ โดยไม่ผ่านธนาคาร


โดยมีผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ รายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ซื้อบ้านหรู 2 หลัง จากบริษัท Go Homes ด้วย Bitcoin ซึ่งเขาได้มาจากการขุด Bitcoin และ การซื้อขายบ้านครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์สำหรับการซื้อขายบ้านด้วย Bitcoin และคาดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องปกติในอีก 5 ปีข้างหน้า
 
ปัจจุบัน Blockchain ได้ถูกนำไปใช้กับธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เช่น Smart Contracts สัญญาอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้การบังคับใช้สัญญาตามข้อตกลงถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ เพิ่มความน่าเชื่อถือ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ, Digital Identity อัตลักษณ์ทางดิจิตอล  ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวงการแแพทย์  เช่น โรงพยาบาลซึ่งปกติจะมีบันทึกเกี่ยวกับคนไข้จำนวนมาก ถ้ามี Blockchain ก็จะปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลได้  
 
จากข้อมูลที่คุณจิรายุสได้อธิบาย รวมถึงการยกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพมากขึ้นว่า Bitcoin คือการพัฒนาการด้านเทคโนโลยีล่าสุดที่อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ เช่นเดียวกับสมัยก่อนที่คนยังไม่รู้จักไฟฟ้า น้ำมัน รถยนต์ หรืออินเทอร์เนต

แรกๆก็ย่อมจะมีการต่อต้านและไม่ยอมรับแต่หลังจากที่เทคโนโลยีนี้ได้พิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะเปลี่ยนโลกได้นั้นหมายถึงการยอมรับและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหากเรารู้ก่อน ขยับตัวก่อน อาจหมายถึงโอกาสเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีนี้ที่หมายถึงกำไรมหาศาลที่อาจสร้างได้แบบไม่รู้จบด้วย
 
ต้องการติดต่อพูดคุยเพิ่มเติม

 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
425
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด