ตลาดนัดต้นมะพร้าว ตั้งอยู่ในจังหวัดยะลา บริเวณข้างๆวัดยะลาธรรมาราม หรือที่เรียกกันว่า วัดใหม่นั่นเอง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่นักช้อปสินค้ามือสองทั้งหลายจะต้องมาเลือกซื้อ สินค้ากันที่นี้ เพราะมีสินค้าเป็นจำนวนมาก มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะต้องการสินค้าที่หายากเพียงใด ตลาดนัดแห่งนี้ก็ไม่ทำให้นักช้อปทั้งหลายผิดหวัง นอกจากนั้นราคาก็ย่อมเยา มีทั้งของถูกยันของแพงปะปนกันไป สินค้าส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และกัมพูชา จึงทำให้มีเงินไหลสะพัดเข้ามาพื้นที่เป็นจำนวนมาก
 

หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ ทำให้ตลาดนัดแห่งนี้ดูเงียบเหงาลงไประยะหนึ่ง มีคนเข้ามาเที่ยวมาช้อปกันน้อยลง พ่อค้าแม่ค้าต่างก็มีกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเรียกลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าดังเดิม และบวกกับเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ ทำให้วันนี้ตลาดนัดแห่งนี้คึกคักมากขึ้น

 

นายอับดุล เลาะห์ ปูยุด พ่อค้าขายเสื้อผ้ามือสอง ได้บอกว่า สินค้าของตนได้นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนจะซื้อเสื้อผ้าเป็นกระสอบใหญ่ๆ กระสอบหนึ่งมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ตนจะนำมาคัดแยกเกรด เลือกสินค้าที่มีตำหนิน้อยที่สุดมาขาย แต่สินค้าที่มีตำหนิมาก ๆ ไม่สามารถนำมาขายได้ ตนก็จะนำไปบริจาคแทน เนื่องจากถ้าเกิดขายสินค้าที่ด้อยคุณภาพ จะทำให้ลูกค้าเข้าร้านได้น้อยลง สินค้าในร้านมีหลายประเภท มีทั้งเสื้อยืด เสื้อหนาว เสื้อเชิ้ต และกางเกงยีนต์ ในแต่ละเดือนตนมีรายได้ประมาณ 40,000 - 50,000 บาท
 

นาย อับดุลเลาะห์ได้บอกอีกว่า ตนขายเสื้อผ้ามือสองที่นี้มานาน ตั้งแต่ตลาดเพิ่งเปิดแรกๆ เกือบ 20 ปีแล้ว เท่าที่ตนเห็น เหตุการณ์มันไม่ได้มีผลกระทบใดๆ เลย ชาวบ้านในพื้นที่ก็ออกมาเลือกซื้อสินค้าเหมือนเดิม แต่จะมีเพียงลูกค้านอกพื้นที่เท่านั้นที่ลดจำนวนลง เนื่องจากเกิดความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ส่วน นางนูรีซัน ณ ปัตตานี แม่ค้าขายเสื้อผ้าเด็กมือสองบอกว่า สินค้าของตนจะนำเข้าผ่านมาจากประเทศมาเลเซีย และประเทศกัมพูชา ซึ่งเสื้อผ้าที่นำเข้าทางประเทศมาเลเซียจะมีคุณภาพดีกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศอเมริกา และญี่ปุ่น เนื้อผ้าจะดูดีกว่า รูปแบบก็จะดูทันสมัยกว่าสินค้าที่นำเข้าจากกัมพูชา ซึ่งตนจะไปคัดแยกเกรดจากที่ตลาดที่นั่นเลย ทำให้ราคาที่รับซื้อสูงกว่าเสื้อผ้าที่เป็นกระสอบใหญ่ กำไรที่ได้ก็น้อยลงตามไปด้วย

แต่ตนเน้นคุณภาพและลูกค้ามากกว่า รายได้แต่ละเดือนจะตกประมาณ 2,5000 – 30,000 บาท ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาซื้อก็จะมีมาเรื่อยๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ลูกค้าจะหายไประยะหนึ่ง แต่ก็เงียบได้ไม่นาน ลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้ากันเหมือนเดิม
 

ด้าน นายรัน รอแม พ่อค้าขายกระเป๋าหรูมือสอง ที่เพิ่งเปิดขายที่นี้ได้เพียง 2 ปี บอกว่ากระเป๋าทั้งหมดจะนำเข้ามาจากพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตนจะไปคัดเลือกจากที่ตลาดที่นั่นเลย ซึ่งตนจะนำมาวางขายในราคา 200 – 15,000 บาท รายได้ต่อเดือนตนจะมีรายได้จากการขายกระเป๋า ตกประมาณเดือนล่ะ 50,000 – 70,000 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการมาอุดหนุนซะมากกว่า เนื่องจากนักศึกษายังมีกำลังซื้อไม่มากพอนัก และทุกครั้งที่เกิดเหตุความสงบเกิดขึ้น ลูกค้าก็จะลดน้อยลง แต่ก็หายไปได้ไม่นาน ลูกค้าก็กลับมาซื้อเช่นเดิม

 

กว่า 20 ปีแล้ว ที่ตลาดแห่งนี้ยืนหยัดอยู่คู่ชาวจังหวัดชายแดนใต้ตลอดมา สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความสุขต่อผู้มาเยือน เสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ทำให้ใครต่อใคร หลายๆ คน อยากเข้ามาสัมผัส แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม การใช้ชีวิตของคนเราก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด เฉดเช่นดั่งต้นมะพร้าวที่ยืนต้นเรียงราย ชูกิ่งก้านสาขา ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ตลาดนัดต้นมะพร้าวแห่งนี้ไม่มีวันเลือนหายไป