เทคโนโลยีอะไรบ้างที่น่าสนใจในปี 2019
 

หลายคนคงอยากทราบว่าในปีนี้มีเทรนด์อะไรดี ๆ ที่น่าสนใจบ้าง ผมจึงอยากจะมาอัปเดตให้ฟังกัน ข้อมูลเหล่านี้สนใจมากทีเดียวเพราะเป็นข้อมูลที่ได้จากงาน eTail Asia 2019 ที่ผมมีโอกาสได้ไปร่วมงาน โดยเฉพาะวงการค้าปลีกออนไลน์ควรต้องรู้ไว้ครับ

 

ภาพจาก bit.ly/2XoBomO

เป็นโมเดลที่ควรต้องจับตาดูให้ดี ๆ เพราะตอนนี้ทั้งในระดับอาเซียนและระดับโลกกำลังพูดถึงโมเดล e-commerce ของจีนกันมากเพราะเป็นโมเดลที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และยิ่งตอนนี้ตลาดจีนเองก็เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มากที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องการหมายตาจะเข้าไปทำตลาดขายให้ได้

 

ภาพจาก www.jd.com

ต้องยอมรับว่าวันนี้เทคโนโลยีเรื่องนี้เก่งขึ้นมาก เข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและยังเกาะติดลูกค้าได้ดีมากขึ้นอีกด้วยแถมมีเครื่องมือใหม่ ๆ ออกมาใช้มากขึ้น แค่ลูกค้าค้นหาสินค้าครั้งเดียวก็จดจำและติดตามลูกค้าไปได้เลย ยิ่งตอนนี้มีผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีแบบนี้มากขึ้น ๆ เช่นกัน นอกจากนี้ e-commerce ที่มาคู่กับเรื่องของ data แล้วจริง ๆ เห็นได้จากผู้ให้บริการ e-commerce เริ่มเปิดยูนิตทำ data และทำร่วมกับแบรนด์มากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ JD.com ของจีนร่วมมือกับ BNG ที่ทำสินค้าอุปโภคบริโภคร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร ทาร์เก็ตเป็นกลุ่มใด ฯลฯ

และยังมีเรื่องของการใช้ machine learning ตัวอย่างจากการท่องเที่ยวออสเตรเลียจับมือ JD.com วิเคราะห์พฤติกรรมคนจีนว่าใครบ้างที่มีแนวโน้มน่าจะอยากไปเที่ยวออสเตรเลีย จะเห็นว่าเริ่มมีการใช้ machine learning และ data เข้ามาใช้กันมากขึ้น

 

ภาพจาก bit.ly/2GiJeHA

เป็นการทำการตลาดให้เหมาะกับบุคคล ตอนนี้มีเครื่องมือทางการตลาดที่ทำให้พบสินค้าที่จะนำเสนอให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนมากขึ้น เช่น ผู้ชายก็จะพบสินค้าอย่างพวกอุปกรณ์กีฬา รองเท้า หรือถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้า ยังรวมไปถึงเรื่องของการส่งอีเมลให้ลูกค้า อีเมลที่ส่งไปก็จะเป็นการนำเสนอสินค้าที่เหมาะกับคนนั้นคนเดียวเท่านั้น เพิ่มโอกาสในการปิดการขายสูงกว่าการส่งแบบกว้าง ๆ หรือแบบที่ทุกคนเห็นเหมือน ๆ กันหมด

 

ภาพจาก bit.ly/2L1DW9d

มีการนำเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) หรือ VR (Virtual Reality มาใช้กับวงการค้าปลีกมากขึ้นจริง ๆ บ้านเราก็เริ่มเห็นบ้างแล้ว เช่น ที่ร้าน Boots หรือ Watsons อย่างที่ผมไปเจอจะมีหน้าจอที่จะมี AR จับว่านี่คือตา นี่คือปาก เราสามารถเลือกสีลิปสติกได้ว่าต้องการทดลองสีไหน วงการธุรกิจค้าปลีกเริ่มมีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้มากขึ้น เป็นการเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้และยังช่วยลดต้นทุนในเรื่องการสต็อกสินค้าได้อีกด้วย

 

5.การระบุหมายเลขของอุปกรณ์แต่ละตัว หรือ Device ID (Device Identification)
 

ภาพจาก bit.ly/2va6LoO

บางครั้งเราใช้อุปกรณ์หลายตัวทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต ฯลฯ เทคโนโลยีตอนนี้เริ่มแยกได้แล้วว่าเป็นการใช้ของคนคนเดียว ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานและการเสนอโฆษณาจะเริ่มผสานกัน เช่น เมื่อเข้าแอปพลิเคชันหนึ่งก็จะรู้เลยว่านี่คืออุปกรณ์หนึ่งของเราและจะผูกเข้ากับโปรไฟล์ของเราทันที

ถ้าเราเคยเห็นสินค้าหนึ่งแล้วก็จะไม่นำมาแสดงซ้ำอีก จะเลือกแสดงเป็นตัวอื่น ๆ การนำเสนอข้อมูลที่ซ้ำซ้อนจะน้อยลง และยังจะติดตามเราได้อย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้น เพราะเทคโนโลยีฉลาดมากขึ้นที่จะติดตามพฤติกรรมของอุปกรณ์แต่ละตัว

 

ภาพจาก bit.ly/2V6Kkje

ในเรื่องของ social commerce คนไทยนิยมซื้อของจากโซเชียลมีเดีย เช่น อินสตาแกรมกันมาก เมื่อผมได้แชร์ข้อมูลนี้ออกไป ผู้ร่วมสัมมนาจากประเทศอื่น ๆ ต่างรู้สึกว่าบ้านเราแอดวานซ์มาก

หลายธุรกิจก็ยังไม่เคยใช้ social commerce กันขนาดนี้ เขางงว่าประเทศไทยมีการซื้อของ โอนเงินผ่านทางไลน์หรือโซเชียลมีเดียได้ด้วย เพราะต่างประเทศยังไม่ได้มีการใช้กันถึงขนาดนั้น แต่ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศอาเซียนด้วยกันก็มีพฤติกรรมในลักษณะนี้คล้าย ๆ กันอยู่

ทั้งนี้น่าจะเพราะประเทศเรามีสตาร์อัพที่ทำเทคโนโลยีสนับสนุนให้เกิดการค้าบนโซเชียลคอมเมิร์ซกันเยอะ  ภาครัฐเองก็ให้การสนับสนุนมากพอสมควร ถือได้ว่าเรามีความโดดเด่นในด้านการทำข้อมูลการค้าบนโลกออนไลน์มากทีเดียว

 

อัปเดตเทรนด์ของปีนี้กันแบบคร่าว ๆ เท่านี้ก่อนนะครับ เทคโนโลยีเหล่านี้คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเทอร์เน็ต หาไม่ยากครับลองศึกษากันดู ธุรกิจของคุณอาจจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้และเกิดผลดีเกินคาด วิธีง่าย ๆ แค่การเริ่มต้นทำเลยไม่ต้องรอครับ