ภาพจาก  https://pixabay.com
 

People Transformation หรือการปรับองค์กรเข้าสู่ดิจิทัลด้วยการพัฒนาและการจัดการเรื่องของ “คน”เป็นเรื่องที่ผมได้วางไว้ในหลักสูตร DEFg ที่ผมทำ มีบรรดานักเรียนที่ทำ HR มานั่งเรียนกันเยอะทีเดียว นี่คือบางส่วนที่ผมคิดว่าน่าสนใจ 

 

เทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจจากมืออาชีพอย่างคุณสุนทร เด่นธรรม จาก Humanica ที่มาพูดถึงภาพรวมขององค์กรว่าเทรนด์ในเรื่องการบริหารจัดการเรื่องคนหรือ HR เปลี่ยนไปแล้ว ที่น่าสนใจคือเรื่องของ HRD (Human Resource Development) คือต่อไปการให้ benefit ของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ละคนอาจจะมี benefit ที่แตกต่างกัน เช่น ผู้หญิงท้องก็จะมี benefit แบบหนึ่ง ของผู้ชายก็อีกแบบหนึ่ง จะมีลักษณะเป็น personalized มากขึ้น โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เทรนด์นี้เริ่มเข้ามาอย่างมาก 

 

ต่อไป HR จะมีเครื่องมือต่าง ๆ มาช่วยมากขึ้นในการที่จะ 1) Recruitment หรือการคัดสรรคนเข้ามาในองค์กร 2) Maintenance การทำให้คนอยู่กับองค์กร และ 3) Engagement การทำให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กร ให้รู้สึกรักองค์กรและพร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปด้วยกัน
 

ภาพจาก  https://pixabay.com

 

อีกคนหนึ่งคือคุณอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ จาก Wongnai.com ซึ่งการบริหารจัดการคนหรือ HRของที่นี่น่าสนใจมาก ประเด็นที่น่าสนใจคือ Wongnai แม้จะเป็นสตาร์ทอัพด้านอาหารและพัฒนาไปอีกหลายด้าน มีพนักงานมากถึง 370 คน ทีมงานส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 27 ปี และ 90% สถานภาพโสด ทีมงานแต่ละคนเรียกว่ายังมีภาระน้อย การลองผิดลองถูกของเขามีความยืดหยุ่นสูงมากทีเดียว 

 

ฉะนั้น การบริหารคนกลุ่มนี้ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งหลาย ๆ องค์กรเองก็กำลังเผชิญปัญหาเหมือนกันคือ รับเด็กรุ่นใหม่เข้ามาแล้วไม่สามารถบริหารหรือรักษาคนรุ่นใหม่ไว้ได้ แต่วิธีคิดของ Wongnai ผมเห็นแล้วว่าน่าสนใจมากเลยครับ 

 

ที่นี่มีสวัสดิการบางอย่างที่น่าสนใจจริง ๆ ข้อแรกเลยก็คือเริ่มทำงานตอนสิบโมงเช้าได้ มีอาหารกลางวันฟรีวันจันทร์ พุธ และศุกร์ สามารถทำงานจากที่บ้านได้หากหัวหน้างานโอเค ลาได้ไม่จำกัดวันหยุด มี MacBook สำหรับพนักงานทุกคน เขาใช้ผลสำเร็จของงานเป็นตัววัดผล 

 

นอกจากนี้หลังห้าโมงเย็นมีเบียร์ฟรี มาคนมานวด มีการปรับเงินเดือนทุกสามเดือน ฯลฯ ออฟฟิศทำงานใน co working space ที่ชื่อว่า WeWork ตรงทองหล่อ เป็นออฟฟิศที่สวยมาก เรียกว่าเป็นบริษัทของเด็กรุ่นใหม่จริง ๆ ที่นี่ติดอันดับบริษัทที่คนรุ่นใหม่ ๆ อยากไปทำงานมากที่สุด 
 

ภาพจาก  https://pixabay.com

 

จุดนี้เองที่กระตุกต่อมของคนที่เป็น HR หรือผู้บริหารหลายคน ซึ่งบางคนก็แปลกใจว่ามีองค์กรแบบนี้ด้วยหรือ ทำแบบนี้แล้วจะมีปัญหาหรือเปล่า บอกได้เลยครับว่าเป็น culture ที่น่าสนใจมาก และโดยเฉพาะเขามีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่เป็นวิธีคิดแบบใหม่ ๆ เช่น มีการพัฒนาคนด้วยการบอกเลเวลว่าคุณอยู่จุดไหน การพัฒนาตัวตนของคุณ ฯลฯ ซึ่งสามารถเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องการบริหารคนได้อย่างมาก 

 

วิธีคิดของ HR Wongnai ต้องบอกว่าด้วยความที่เขาไม่ได้จบ HR มาโดยตรงแต่จบวิศวกร ทำให้มีวิธีคิดที่สุดยอดมาก เขามองว่าพนักงานหรือทีมงานอยากได้อะไรก็ทำตามนั้น บางทีการที่เราไม่ได้เรียนอะไรมาทางด้านนั้น ๆ โดยตรงจะทำให้ไม่มีกรอบ และพร้อมเปิดรับกับการเข้ามาของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ๆ การบริหารคนรุ่นใหม่หากเอาเรื่องของ HR ที่เคยเรียนรู้มาเมื่อ 10-20 ปีก่อนมาใช้กับเด็กรุ่นใหม่มันอาจไม่เหมาะแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมเองก็ได้เรียนรู้เช่นกัน

 

ผมชอบคำหนึ่งที่เขาพูดว่า การพัฒนาองค์กรในวันนี้ต้องพัฒนาในเรื่องของ core values หรือแนวคิดในการทำงานขององค์กร ซึ่งทุกคนในองค์กนต้องสามารถอธิบายได้หมด ไม่ใช่คำสวยๆ ที่แปะไว้บนผนัง ที่บริษัทของเขาทุกคนพูดได้และใช้โดยตลอด เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร สอดแทรกอยู่ในการทำงานทุก ๆ อย่าง ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่เจ๋งมากครับ

 

สำหรับที่ TARAD เองก็มี core values เช่นกัน ผมเองก็ปรับเอามาใช้แล้ว โดยของผมจะมีเดือนของ core values ในแต่ละตัว ซึ่งมีด้วยกัน 5 ตัว เช่น เดือนนี้จะพูดถึง T-Teamwork ก็จะพูดถึงแต่เรื่องนี้ เดือนต่อไปก็จะพูดถึง A-Accoutability ฯลฯ คือต้องทำให้ทีมงานเห็นว่าการทำงานของเขามันลิงก์กับ core values ขององค์กรเราอย่างไร ผมเห็นด้วยว่ามันคือวิธีการทำงานขององค์กร แม้แต่ที่อินโดนีเซียที่ผมได้ไปเห็นสตาร์ทอัพที่เป็นยูนิคอร์นหลายตัว ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องของ core values กันหมด 

 

ฉะนั้น ผมอาจต้องกลับมาถามท่านที่เป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการว่า core values หรือวัฒนธรรมในการทำงานของคุณคืออะไร ส่วนใหญ่ CEO หรือเจ้าของจะพูดได้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทีมงานของคุณล่ะครับตอบได้หรือไม่ คุณสามารถสื่อสารวัฒนธรรมในการทำงานลงไปถึงทุกคนในองค์กรได้หรือยัง ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมากเลยทีเดียว และไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวท่านเลย