บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
5.6K
2 นาที
12 พฤศจิกายน 2562
เทคนิคการออมเงินของคนต่างชาติ! เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน!


พูดถึงการออมเงินเป็นบทเรียนพื้นฐานที่ผู้ใหญ่ของทุกประเทศจะสั่งสอนลูกหลานให้รู้จักเก็บออม แต่ด้วยวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่ต่างกันไปในแต่ละประเทศ ก็ทำให้การออมเงินของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างในประเทศไทย www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่แนะนำให้เด็กๆเก็บออมจากเงินที่เหลือจากไปโรงเรียน โตขึ้นมาหน่อยก็อาจสอนให้ลูกหลานรู้จักซื้อในสิ่งที่ควรซื้อ  สอนให้รู้จักแบ่งเงินเก็บเป็น 3 ส่วน คือเงินใช้ทั่วไป  เงินใช้ยามเจ็บป่วย และก็เงินออม
 
ทีนี้ลองมาดูนิสัยการออมของคนต่างประเทศที่เขาก็สอนลูกหลานในเรื่องการออมเงินเช่นเดียวกัน อาจจะแตกต่างหรือบางอย่างอาจจะคล้ายๆกับของเมืองไทย ลองมาศึกษากันดูเพื่ออันไหนที่เอามาปรับใช้ได้จะได้เอามาพัฒนาเรื่องการเก็บออมของเราให้ดียิ่งขึ้น
 
การออมเงินของชาวเยอรมัน 
 
ภาพจาก bit.ly/2QafG5F

นิสัยการออมของชาวเยอรมันเน้นการออมเงินตั้งแต่อายุน้อย ๆ โดยการทำงานพิเศษ ไม่นิยมการใช้บัตรเครดิตชอบการใช้จ่ายเงินสดมากกว่า ชื่นชอบการทำประกันเพราะกลัวความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในชีวิต และส่วนมากสามารถออมเงินได้ประมาณ 10% ของรายได้ทุกเดือน  ซึ่งถ้าลองเอามาแจกแจงเหตุผลในการออมจะพบว่า
  1. คนเยอรมันนิยมการทำประกันชีวิตและสุขภาพกันตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ เพื่อให้เกิดวินัยในการออมเงินแบบบังคับตัวเองให้ได้
  2. การใช้จ่ายของคนเยอรมันก็จะเลือกเก็บเป็นเงินออมมากถึง 70% ของรายได้ 
  3. ประชากรของเยอรมันส่วนใหญ่จะหารายได้เสริมเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันแทน
  4. คนเยอรมันมองว่าการออมเงินสำหรับการใช้จ่ายแบบฉุกเฉินนั้นมีความสำคัญและการเก็บออมและการลงทุนเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณนั้นสำคัญที่สุด
  5. ชาวเยอรมันต้องจ่ายภาษีเกือบ 50% ของรายได้และการออมโดยเฉลี่ยของรายรับทุกๆ เดือนของทั้งประเทศ คิดเป็น 10%
การออมเงินของชาวญี่ปุ่น
 
ภาพจาก bit.ly/2CCCpiw

นิสัยการออมของชาวญี่ปุ่นที่ค่อนข้างกลัวความเสี่ยง จึงนิยมการออมเงินมากกว่าจนทำให้เกิดภาวะเงินฝืดขึ้นในประเทศ ทำให้ต้องมีการลงทุนนอกประเทศ มีค่านิยมการออมเงินที่ 25% ของรายได้และส่วนมากจะเน้นการออมเพื่อวัยเกษียณ
 
ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องเจอกับภัยธรรมชาติรุนแรงหลายครั้ง ทำให้เขาไม่ประมาท และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้จ่ายยามฉุกเฉินตลอดเวลา ชาวญี่ปุ่นจึงทำงานหนักและเน้นการประหยัดอดออมมาก ญี่ปุ่นเองมีโครงสร้างสังคมที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากที่สุดในโลก ดังนั้น การวางแผนเรื่องของเงินบำนาญและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ จึงทำได้
ค่อนข้างดี  หากแจกแจงรายละเอียดในการออมเงินของคนญี่ปุ่นพบว่า
  1. คนญี่ปุ่นจะกังวลต่อความเสี่ยงมากการออมเงินโดยการฝากเงินไว้ในธนาคารจึงเป็นวิธีออมเงินหลักของประเทศนี้ ถึงขั้นธนาคารต้องลดดอกเบี้ยเงินฝากเหลือ 0% เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนให้มากขึ้นแทน
  2. สัดส่วนการออมเงินของแต่ละครอบครัวนั้นสูงถึง 25% ทีเดียว
  3. การออมเงินจะแบ่งออกเป็นส่วนๆ ทั้งเงินเพื่อการใช้ยามฉุกเฉิน และค่ารักษาพยาบาล
  4. คนญี่ปุ่นนิยมการออมในรูปแบบของการทำประกันและถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการทำประกันชีวิตสูงที่สุดในโลก ต่อหนึ่งคนมีกรรมธรรน์ชีวิตหลายฉบับ และถือเป็นประเทศที่ธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัย มีการแข่งขันที่สูงมาก
การออมเงินของชาวจีน

ภาพจาก bit.ly/32CHDFL

ธนาคารพาณิชย์ของประเทศอังกฤษอย่าง Lloyds TSB  เคยตั้งสมมุติฐานว่า “ทำไมคนจีนถึงเป็นประเทศรวยเงินออมมากที่สุดของโลก” รายงานของ Lloyds TSB ยังระบุอีกว่าเฉลี่ยแล้วการออมเงินของครอบครัวชาวอังกฤษจะเก็บเงินราว 7% ของรายได้ในแต่ละเดือน แต่เมื่อเทียบกับชาวจีนที่ส่วนใหญ่ออเงินสูงถึง 47% ต่อเดือนเลยทีเดียว
 
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพอีกนิดในขณะที่ครอบครัวชาวอังกฤษส่วนใหญ่ออมเงินเฉลี่ย 5,000 ปอนด์ต่อเดือน ขณะที่ชาวจีนจะออมเงินสูงถึง 19,000 ปอนด์ต่อเดือน หมายความว่าชาวจีนมีการออมเงินสูงกว่าชาวอังกฤษกว่า 4 เท่า ซึ่งหากแจกแจงเหตุผลในการออมเงินของคนจีนจะพบว่า
  1. จุดประสงค์การออมเงินของชาวจีนเพื่อชีวิตช่วงวัยเกษียณหรือยามเจ็บป่วย สะท้อนให้เห็นว่าสวัสดิการที่แตกต่างจากประเทศในยุโรปโดยเฉพาะแถบสแกนดิเนเวีย ทำให้คนจีนออมเงินจนกลายเป็นนิสัย ไม่นิยมช้อปปิ้งพร่ำเพรื่อ และไม่นิยมแข่งขันกันที่การแต่งตัว
  2. ชาวจีนเป็นกลุ่มที่ไม่นิยมความหรูหราในชีวิตประจำวัน หมายถึงการใช้เงินจะต้องให้เหมาะสมกับโอกาสพิเศษหรือสำคัญจริงๆ และต้องคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปด้วย
  3. ชาวจีนออมเงินด้วยวิธีการต่อยอด เช่นการนำเงินก้อนแรกไปลงทุนในหุ้น หรือทองคำ หรือหากใครมีเงินก้อนใหญ่หน่อย ก็จะนำไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนทั้ง 3 ประเภทนี้ชาวจีนนิยมกันมาตั้งแต่ในอดีต
  4. ชาวจีนยุคใหม่เพิ่มจุดประสงค์การออมเงินมากขึ้น เช่น ออมเพื่อท่องเที่ยว แต่การท่องเที่ยวไม่ได้เพียงแค่ผ่อนคลาย แต่การเดินทางของชาวจีนในประเทศอื่นๆ เป็นในลักษณะการมองลู่ทางธุรกิจ หรือการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้นๆ 
  5. พฤติกรรมของชาวจีนนิยมใช้บัตรกำนัลต่างๆ ในการช้อปปิ้งรวมถึงการรับประทานอาหารในมื้อสุดหรูต่าง ๆมากกว่าการใช้เงินสดจ่าย แตกต่างจากชาวยุโรปที่นิยมใช้บัตรเครดิตมากกว่า
 
ภาพจาก bit.ly/34WPvDD

นิสัยการออมของแต่ละประเทศบ่งบอกถึงวินัยทางการเงิน และสถานภาพของคนในสังคมนั้นๆได้ดีอย่างประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่มีสวัสดิการของประชาชนที่ดีมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่นิยมเรื่องการออม เพราะยามเจ็บป่วยหรือเข้าเรียนก็มีสวัสดิการของรัฐดูแลอย่างดี

คนในประเทศจึงมุ่งเน้นไปกับการเสียภาษีที่สูง ก็ถือเป็นการออมให้กับตัวเองในทางหนึ่ง แตกต่างจากอีกหลายประเทศที่สวัสดิการแห่งรัฐยังไม่ดีหรือเทียบเท่า ก็ทำให้ประชาชนต้องขวนขวายหาเงินเก็บออมในรูปแบบต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://www.thaifranchisecenter.com/document/
  
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
428
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด