รีวิวหนังสือ “โฆษณาชวนเชื่อ” หรือชื่อภาษาอังกฤษ “Propaganda” เป็นหนังสือแนวธุรกิจ การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหนังสือในตำนานทางด้านการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ เขียนโดย Edward Berney เจ้าพ่อนักโฆษณาชวนเชื่อและประชาสัมพันธ์
 

ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อนักโฆษณาชวนเชื่อและประชาสัมพันธ์ด้วยแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า จะต้องเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมสูงและเป็นหนังสือที่นักเรียน นักศึกษาทางด้านการ PR ต้องอ่าน แต่ที่แปลกใจที่เล่มนี้ไม่ค่อยมีการพูดถึงกันในประเทศไทยมากนัก

ภาพจาก bit.ly/2QRBVge

 

ในรายละเอียดเนื้อหานั้น หลัก ๆ แล้วเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้เขียนที่เคยทำงานทางด้านการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ให้กับหลายภาคส่วนด้วยกัน หน้าแรก ๆ นั้นผู้เขียนได้พยายามทำให้ผู้อ่านตาสว่างก่อนเลยว่า โลกของเราถูกขับเคลื่อนด้วยการโฆษณาชวนเชื่อเป็นหลัก ไม่ได้มีการขับเคลื่อนโดยกฎธรรมชาติ แต่มาจากบุคคลระดับสูงที่กำหนดความคิดและพฤติกรรมให้กับประชาชนให้คิดแบบนั้น

การเรียกน้ำย่อยเช่นนี้ย่อมทำให้ผู้อ่านเริ่มอยากอ่านมากขึ้น

อีกทั้งผู้เขียนยังมีการแบ่งหัวข้อสารบัญที่เรียกได้ว่า เป็นการชำแหละการโฆษณาชวนเชื่อทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาการเมือง การเคลื่อนไหวทางการเมือง การศึกษา ระบบการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นการแบ่งหมวดหมู่ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจกันง่ายขึ้น
 

ผู้เขียนได้อธิบายเทคนิคการโฆษณาชวนเชื่อและการประชาสัมพันธ์ว่า จะต้องมีการดำเนินการโฆษณาอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน และที่สำคัญก็คือ ผู้คนจะต้องไม่รู้ตัวว่า พวกเขากำลังถูกครอบงำทางความคิดอยู่ และแสดงให้เห็นจากพฤติกรรมที่ผู้คนได้แสดงออกมา

ภาพจาก bit.ly/2Jf1wLQ

 

ผู้เขียนชี้ว่า โฆษณาชวนเชื่อมีอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นการฟังวิทยุ หนังสือพิมพ์ การแสดงละคร ภาพยนตร์หรืองานอีเว้นท์ต่าง ๆ ที่มีการจัดนั้น ล้วนแล้วเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างมีนัยยะแอบแฝงเสมอ ในทางธุรกิจนั้นวิธีการแบบนี้เป็นการโน้มน้าวให้ผู้คนหันมาซื้อสินค้าในแบบที่ไม่ต้องออกแรงมาก และต้องเป็นการโฆษณาเพื่อเรียกความสนใจให้กับคนหมู่มากจนเกิดเป็นจิตวิทยาสะกดจิตหมู่ให้ผู้คนแห่กันมาซื้อสินค้ามากขึ้น 
 

หากถามว่าพฤติกรรมของประชาชนที่แสดงออกมานั้น จะรู้ได้อย่างไรว่ามาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ผู้เขียนได้อธิบายว่า เห็นได้จากการแสดงความเห็นเรื่องต่าง ๆ ที่ถูกจำกัดและควบคุมโดยมือที่มองไม่เห็นที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดว่า จะต้องมีการแสดงความเห็นไปในทิศทางใด อย่างที่ผู้เขียนได้บอกว่า ประชาธิปไตยมันไม่ได้มีอยู่ในประเทศอเมริกาแล้ว แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับถูกทำให้เชื่ออย่างนั้นว่า พวกเขามีประชาธิปไตยและมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอยู่

ภาพจาก bit.ly/2Uzt57O

 

ประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดมานั้น ได้ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มตระหนักและตื่นตัวมากขึ้น และมองว่าเขาเป็นผู้เปิดโปงกลยุทธ์การโฆษณาอันแยบยลชนิดที่ใครคาดไม่ถึง บางคนมองว่าเขาเป็นผู้ที่ไถ่บาปความผิดของตัวเอง แต่บางคนมองว่า เขาคือปีศาจ โดยเฉพาะกับการที่เขาเคยทำงานสกปรกให้กับฝ่าย CIA ด้วยแล้ว ถือเป็นมลทินที่เขาไม่อาจลบล้างตรงนี้ได้
 

หากถามว่า หนังสือเล่มนี้จะให้อะไรกับคุณ ขอตอบว่าเป็นหนังสือที่ทำให้คุณตาสว่าง และเป็นหนังสือที่คู่ควรต่อการบอกต่อ ๆ กันเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเปิดโปงความจริงของโลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และยังเป็นคัมภีร์ธุรกิจ การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ที่ยังคงคู่ควรต่อการอ่านแม้ว่าเล่มนี้จะมีการเขียนมาเป็นเวลาเกือบ 100 ปีแล้วก็ตาม

แนะนำครับ