1. เลือกทำเลให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของคุณ แต่ละทำเลลูกค้าก็จะต่างกัน เช่น ทำเลหน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดัง นักเรียนมักจะมีฐานะ และใช้เงินได้ง่าย สินค้าพวกอาหารที่เด็กนักเรียนชอบทาน เช่น สเต็ก ไอศครีม ถึงจะราคาสูงหน่อยแต่จะขายได้ดี ในทางกลับกัน ทำเลตามตลาดนัดชานเมือง ลูกค้ามักจะซื้ออาหารไปทานที่บ้าน และลูกค้ามักจะคาดหวังว่าอาหารจะราคาไม่แพง ดังนั้นถ้าขายอาหารก็ควรจะเป็นของที่ใส่ถุงกลับไปทานบ้านได้ และราคาไม่แพงมากนัก เป็นต้น ดังนั้นถ้าคุณมีสินค้าของคุณแล้ว

คุณต้องพิจารณาว่าสินค้าของคุณ มีกลุ่มลูกค้าคือใคร และทำเลไหนที่เหมาะที่จะขาย แม้แต่ในสถานที่เดียวกัน เช่น ในห้างสรรพสินค้า เคยสังเกตุไหมครับ ร้านพวกอาหาร fast food มักจะตั้งไว้หน้าห้างสรรพสินค้าใกล้ถนน เพราะว่าจะได้ขายอาหาร fast food ให้กับวัยรุ่น (ที่บางคนไม่มีรถส่วนตัว อาจจะเดินทางมาโดยรถไฟฟ้าหรือรถเมล์) แต่เรามักจะไม่ค่อยเห็นพวกชุดชั้นในวางขายหน้าห้างสรรพสินค้าเลย (คงเดาเหตุผลได้ไม่ยาก)

และแต่ละทำเล ก็จะมีเวลาขายดีที่แตกต่างกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า ลูกค้าจะมาเดินเยอะ ช่วงตอนเย็น หรือเสาร์ อาทิตย์ ส่วนทำเลแถวสีลม ร้านค้าจะขายดีช่วงพักเที่ยง กับช่วงเย็น ที่พนักงานบริษัทเลิกงาน เสาร์ อาทิตย์จะไม่ค่อยมีคน

 

 
 

2.ค่าใช้จ่าย อันนี้ก็สำคัญมากเพราะธุรกิจ SME ไม่ได้มีเงินมากทึ่จะเลือกทำเลที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากได้ เจ้าของธุรกิจก็ควรเลือกทำเลที่มีกลุ่มลูกค้า และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับฐานะของกิจการ นอกจากนี้ก็ต้องดูเรื่องสัญญาการเช่าด้วย ถ้าเช่าระยะสั้น ถ้าเราขายดี เจ้าของอาจจะขอขึ้นค่าเช่า ไม่ก็ยกเลิกการให้เช่า แล้วเจ้าของมาทำเองเลยก็ได้

 

3. คู่แข่งขัน ถ้าบริเวณที่คุณเลือกไม่มีคู่แข่งเลย ไม่ใช่ว่าเราจะขายได้ดีนะครับ สังเกตุดูว่าธุรกิจบางประเภท เช่น ร้านขายเครื่องกีฬา มักจะอยู่รวมๆกันหลายร้าน เพราะจะดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่า ลูกค้าจะได้มีทางเลือก ถ้าร้านขายเครื่องกีฬาขายอยู่ร้านเดียวโดดๆ มักจะขายไม่ค่อยดีครับ แต่ในกรณีที่ร้านคุณอยู่ในดงคู่แข่ง เช่น เปิดร้านก๊วยเตี๋ยวในศูนย์อาหาร คุณก็ต้องดูว่าคู่แข่งคุณทั้งทางตรง คือร้านขายก๊วยเตี๋ยว มีกี่ราย และคู่แข่งทางอ้อม เช่น ร้านอาหารชนิดอื่น แต่ละร้านมีจุดเด่นอย่างไร

สินค้าของเรามีจุดเด่นไม่ว่าจะหน้าตาอาหาร รสชาติ ราคา ที่จะดึงดูดลูกค้าได้ไหม ถ้าดูแล้วสู้ได้ ถึงจะอยู่ในดงคู่แข่ง ก็ไม่ต้องกลัวคู่แข่งครับ
 

 
 

4.สิ่งแวดล้อมรอบทำเลค้าขาย ถ้าร้านเราอยู่ใกล้กับร้านที่มีชื่อเสียงมากๆ ก็เป็นไปได้ว่าร้านใกล้ๆที่มีชื่อเสียงมีลูกค้าเยอะ ลูกค้าก็อาจจะมาซื้อสินค้าจากร้านคุณด้วย ถ้าสินค้าของร้านข้างๆ สอดคล้องกับร้านคุณ ดูตัวอย่างง่ายๆ เลยครับ หน้าร้าน 7-11 มักจะมีอาหารรถเข็นหลายเจ้ามาขาย เช่น หมูปิ้ง ก๊วยเตี๋ยว เพราะ 7-11 มักจะมีลูกค้าเยอะ พวกอาหารรถเข็นก็จะพลอยขายดีไปด้วย เพราะบางคนก็อยากกินอาหารทำสด ไม่ใช่อาหารแช่แข็งจากใน 7-11

แต่ในทางกลับกันถ้าสิ่งแวดล้อมรอบร้านคุณอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมกับการทำธุรกิจของคุณก็ได้ ผมเคยเห็นร้านคาราโอเกะเปิดใกล้กับร้านขายโลงศพ คงเดาไม่ยากว่าสุดท้ายแล้วร้านคาราโอเกะจะอยู่เปิดได้นานหรือไม่

 

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้ทำธุรกิจส่วนตัวได้มีไอเดียในการเลือกทำเลในการทำธุรกิจหรือค้าขายได้ดีขึ้นครับ