เริ่มต้นจากการที่ครอบครัว “ทรงสวัสดิ์ชัย” ที่ทำธุรกิจการ์เมนต์และเครื่องหนังมานานกว่า 30 ปี ตัดสินใจนำที่ของตระกูลขนาด 6 ไร่ ในซอยกรุงเทพกรีฑา 7 เขตบางกะปิ ขึ้นมาพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดย่อม โดยใช้ชื่อ Kurve7 ด้วยความคิดที่ว่าต้องการสร้างแหล่งรวมร้านอาหารนานาชาติไว้บริการครอบครัวที่อาศัยอยู่ในย่านกรุงเทพกรีฑา ทำให้วรานนท์ตัดสินใจเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ปั้นโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จตามที่ตัวเองและครอบครัวตั้งใจไว้ 

   
วรานนท์เล่าว่า “จากเดิมที่เคยทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ เป็นพนักงาน ก็มาทำในที่ที่เล็กลง แต่เป็นนายจ้าง จากสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีระบบต่างๆ รองรับการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน ก็ต้องมาศึกษาและร่วมออกแบบระบบต่างๆ ของตัวเอง และจากหน้าที่เดิมที่ต้องดูแลธุรกิจในแบบ B2B ก็มาทำคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริโภคทั่วไป จะว่าไปแล้วสิ่งที่เคยทำมาในธุรกิจธนาคารกับปัจจุบัน แทบจะไม่มีความเหมือนกันเลย นอกจากอย่างเดียว คือการเป็นงานบริการ”
 

“Kurve 7 เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ประเภทเนเบอร์ฮูดมอลล์ พื้นที่ขนาดไม่เกิน 6 ไร่ ตั้งอยู่กลางซอยกรุงเทพกรีฑา 7 หลายคนมองว่าเป็นข้อจำกัด และอาจเสียเปรียบโครงการอื่น แต่ส่วนตัวกลับมองตรงข้ามกัน เราต้องรู้จักตำแหน่งของตัวเองก่อน รู้ว่าเราต้องการทำอะไร และต้องการนำเสนออะไรกับลูกค้า Kurve 7 ต้องการเป็นแหล่งรวมของกินคุณภาพในบรรยากาศดีๆ ที่ลูกค้าสามารถมานั่งกินได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่ามื้อไหนก็ตาม เราจึงพยายามเน้นขายพื้นที่กับผู้ประกอบการที่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ เน้นสร้างความหลากหลายที่ให้ลูกค้าได้เลือกกินได้เรื่อยๆ ไม่ซ้ำร้าน เราจัดสัดส่วนร้านค้าที่เป็นร้านอาหารและไม่ใช่ร้านอาหารไว้อยู่ที่ 80 : 20”

   
“สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เรามองที่ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบโครงการ มากกว่า 1 แสนครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับบีขึ้นไป” วรานนท์กล่าวต่อ

   
Kurve 7 ได้รับการออกแบบในสไตล์โมเดิร์น คอมเทมโพรารี่ เน้นพื้นที่สีเขียว และความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติและตัวอาคาร เพื่อต้องการให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกเหมือนได้มาเดินพักผ่อนในสวนสาธารณะ และมีพื้นที่จอดรถได้กว่า 250 คัน
 

“ในวันนี้เราปิดการขายไปแล้วมากกว่า 70% และตั้งใจว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นต้องบอกกับตัวเองว่า เราสามารถรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ได้ ถึงแม้จะต้องเริ่มต้นกับงานที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เริ่มแบบนับหนึ่งใหม่ก็ไม่กลัว และพร้อมจะรับความท้าทายครั้งต่อไป นั่นคือการสร้างเฟส 2 ของโครงการ และทำให้ Kurve 7 กลายเป็นเหมือนคลับเฮาส์ของคนกรุงเทพกรีฑาทั้งหมด” วรานนท์กล่าวทิ้งท้าย

อ้างอิงจาก ไทยโพสต์