บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    การวางแผนธุรกิจแฟรนไชส์
3.0K
2 นาที
29 กันยายน 2556
เริ่มต้นพัฒนาธุรกิจจากเรื่องพื้นฐานง่ายๆ


 
ในปัจจุบันมีแผนธุรกิจใหม่ๆ มากมาย จากผู้ที่เคยประสบความสำเร็จมาเผยแพร่และบอกเล่าให้เราฟัง ผ่านทางหนังสือ หรือบทสัมภาษณ์ต่างๆ ซึ่ง เมื่อเราหยิบไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเองก็พบว่าบ้างก็ใช้ได้ บ้างก็ใช้ไม่ได้ และหลายๆ ครั้งก็พบว่ารูปแบบธุรกิจ หรือแผนการตลาดใหม่ๆ นั้นมีมากมายเหลือเกิน จนไม่รู้จะทดลองใช้อันไหนดี

เพราะการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะสามารถลองผิดลองลองถูกได้เสมอ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดแล้วนั้นอาจหมายถึงจุดจบของธุรกิจเราได้เลย ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราหันกลับมามองเรื่องพื้นฐาน 5 ประการที่เคยใช้ได้ผลกับทุกยุคทุกสมัย และนำมาปรับใช้กับอะไรใหม่ๆ ที่เราอยากให้เป็น หรือปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้นกันดีกว่า
 
1. แรงบันดาลใจ หาได้จากธุรกิจรอบข้าง
 
การพัฒนาธุรกิจของตัวเองนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องคิดค้นวิธีใหม่ๆ เองเสมอไป หนทางที่ง่ายกว่าคือการลองมองดูธุรกิจรอบๆ ตัวเราดูบ้างว่ามีแผน พัฒนาธุรกิจอะไรที่น่าสนใจและสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราเองได้บ้าง ซึ่งเราคงไม่ต้องมองไปไหนไกล เราสามารถเริ่มต้นได้จากดูคู่แข่งของเราเองก่อนว่าพวกเขามีอะไรที่ดีกว่าและนำหน้าเราอยู่ และยังมีอะไรที่ขาดหายไป หรือมีอะไรที่น่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีก จากนั้นนำสิ่งที่เราเห็นมาวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อหาข้อดี ข้อเสีย และผลที่ตามมาเมื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจตัว เองว่ามีความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน

อย่างเช่น รูปแบบร้านของ Apple Store ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการหลายรายที่นำมาปรับใช้ เนื่องจากรูปแบบร้านที่เรียบง่าย เน้นให้ลูกค้าเข้าถึง สินค้าและได้ทดลองเล่น ทดลองใช้ รวมไปถึงการบริการที่เอาใจใส่ ทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เราก็สามารถนำจุดแข็งเหล่านี้มาปรับใช้ให้กับธุรกิจของตัวเองได้เช่นกัน
 
เริ่มต้นได้จากดูคู่แข่งของเราเองก่อนว่าพวกเขามีอะไรที่ดีกว่าและนำหน้าเราอยู่
 
2. ใส่ใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
 
หัวข้อนี้ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด แต่กลับมีคนเป็นจำนวนมากที่มักพลาดกันในเรื่องการใส่ใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เพราะคนส่วนมากนั้นมักเลือกที่จะเดาใจลูกค้ากันเอาเอง คิดกันเอาเองว่าลูกค้ามีความต้องการแบบนั้นแบบนี้ ทั้งๆ ที่วิธีที่ง่ายและได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่าการคาดเดาก็แค่การถามลูกค้าตรงๆ หรือพยายามรับฟังลูกค้าให้มากขึ้นเพียงเท่านั้นเอง

ซึ่งวิธีการถามลูกค้านั้นก็สามารถทำได้โดยวิธีการทำแบบสอบถาม เพื่อรวบรวมข้อมูลและนำมาประเมินเพื่อพัฒนาสินค้า และการบริการแต่ละด้านให้ตรงจุด และตรงใจของลูกค้าให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนการรับฟังนั้นก็ทำได้ไม่ยากเช่นกันเพียงแค่เราใส่ใจในสิ่งที่ลูกค้าพูด หรือลูกค้าบ่นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการบริการของเราไม่ว่าผ่านทางพนักงานขาย หรือบนโลกออนไลน์ก็ควรนำมาวิเคราะห์และแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
 
 
 
3. ใส่ใจคนในทีม
 
นอกจากการเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดีแล้ว ต้องอย่าลืมที่จะเอาใจใส่สมาชิกในทีมด้วย เพราะหลายครั้งที่บ่อเกิดของไอเดียดีๆ ก็อยู่ใกล้กว่าที่เราคิด ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะเชื่อมั่นความคิดตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของกิจการ การคิดแบบนี้นอกจากเป็นการปิดกั้นความคิดเห็นดีๆ จากพนักงานของเราเองแล้วนั้น ยังเป็นการทำให้พนักงานของเรานั้นรู้สึกไม่ดี ไม่มีกำลังใจจะทำงาน และเลือกที่จะไม่เสนอข้อเสนอแนะดีๆ อีกต่อไปเพราะไม่มีคนรับฟัง

กลับกันหากเราลองเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของพนักงานเรา เองอาจทำให้เราได้แนวคิดใหม่ๆ หลายอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปได้ไกลขึ้น ซึ่งการคิดเช่นนี้ได้คงต้องเริ่มจากการยอมรับตัวเองก่อนว่าเราไม่ได้รู้ไปหมดทุกเรื่อง ใน บางเรื่องอย่างเช่นความเข้าใจลูกค้านั้น พนักงานขายอาจทำได้ดีมากกว่าเราเสียอีก
 
ซึ่งการเอาใจใส่พนักงานเรานั้นนอกจากจะทำให้เราได้ไอเดียใหม่ๆ มาพัฒนาธุรกิจแล้ว การใส่ใจพนักงานมากๆ ยังทำให้เรารู้จักกับพนักงานแต่ละคน เป็นอย่างดีอีกด้วยว่าพวกเขามีทักษะและความสามารถทางด้านใดเป็นพิเศษ และยังขาดทักษะในด้านใด เพื่อที่จะได้พัฒนาในด้านที่ขาดไป และมอบหมายหน้าที่ให้กับพนักงานได้ตรงตามความสามารถที่มีเพื่อให้ได้ศักยภาพในการทำงานที่มากขึ้นอีกด้วย
 
4. เปิดมุมมองให้กว้าง
 
หลายๆ คนอาจมองว่าการเสียเงินเพื่อไปเข้าฟังอบรมสัมมนาด้านธุรกิจ หรือซื้อหนังสือมานั่งศึกษานั้นเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า แต่เราก็ยอมรับว่าวิธีเหล่านี้ ล่ะที่เป็นหนทางในการหาไอเดีย และแรงบันดาลใจในการพัฒนาธุรกิจได้เป็นอย่างดี เพราะสิ่งเหล่านี้คือการเรียนรู้จากที่ประสบความสำเร็จมาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าเราจะนำมาใช้ได้เลย แต่เราควรที่จะเลือกดูว่าแนวคิดไหนที่น่าสนใจ และสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราได้บ้าง

นอกจากการค้นคว้าด้วยวิธีข้างต้นแล้ว การหมั่นติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่บ่อยๆ จะทำให้เรามองเห็นช่องทางในการทำการตลาด และพัฒนาธุรกิจมากขึ้น เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ หรือมีเทรนด์ความนิยมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเมื่อใด เราจะได้ปรับตัวได้ทัน และพร้อมรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ก่อนคนอื่น
 
การหมั่นติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่บ่อยๆ จะทำให้เรามองเห็นช่องทางในการทำการตลาด และพัฒนาธุรกิจมากขึ้น
 
 
 
5. ที่ปรึกษาธุรกิจก็สำคัญ
 
การทำธุรกิจคนเดียวแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีความสามารถในการทำธุรกิจได้ครบทุกด้าน การมองหาที่ปรึกษาทางธุรกิจในด้านที่เราไม่ถนัดก็ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจ และผ่านพ้นอุปสรรคในด้านที่เราไม่ถนัดได้ อย่างเช่น ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย หรือด้านการบัญชี ก็ถือเป็นที่ปรึกษาอันดับต้นๆ ที่หลายองค์กรมักมีไว้ใช้ปรึกษา และขอคำแนะนำในการทำธุรกิจในเรื่องที่เรายังไม่รู้ ซึ่งที่ปรึกษาที่ดีนั้นจะต้องให้คำแนะนำกับเราในด้านการพัฒนาธุรกิจได้ด้วย ไม่ใช่แนะนำเราได้แค่ด้านเดียว
 
ทั้ง 5 หัวข้อนี้ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่หลายๆ คนเคยรู้ หรือว่ารู้แล้วแต่ยังไม่สามารถนำไปปรับใช้ให้ถูกวิธี และเลือกที่จะหาแผนธุรกิจใหม่ๆ ที่เราคิดว่าน่าสนใจมาใช้อยู่เสมอ จนลืมคิดไปถึงหลักการพื้นฐานเหล่านี้ ที่สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้เกือบทุกรูปแบบและในทุกยุคทุกสมัย อาจจะมีปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย แต่ใจความสำคัญทั้ง 5 นี้ก็ยังคงใช้ได้ดีอยู่เสมอ

อ้างอิงจาก incquity.com
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์มาใหม่! น่าลงทุนประจำเดือนมิถุนายน 2567
8,790
ส่อง 72 แฟรนไชส์น่าสอยมาลงทุน ครึ่งปีหลัง 2567
5,274
กลับมาแล้วแฟรนไชส์โจ๊ก เฮลตี้ฟู้ดขายง่ายกำไรดี
1,620
เดือดแน่! 6 แฟรนไชส์ไอศกรีมและชาผลไม้ ราคาถูก จ่..
1,465
จริงมั้ย ซื้อแฟรนไชส์ ยืมจมูกคนอื่นหายใจ
826
ซื้อแฟรนไชส์ อย่าให้เป็นทาส แต่ให้เป็นนายตัวเองท..
824
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด