ทำธุรกิจแฟรนไชส์ ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง
เชื่อว่าหลายคนรู้อยู่แล้วว่าการทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม เจ้าของกิจการจะต้องเสียภาษีเป็นประจำทุกปี ไม่ว่าธุรกิจจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ แต่ถ้าถามว่าในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง แตกต่างจากธุรกิจทั่วไปหรือไม่ วันนี้
www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบครับ
ภาษีเงินได้
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นร้านแฟรนไชส์ขนาดเล็ก ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล โดยจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กรมสรรพากร มีการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาในอัตราร้อยละ 60 ของรายได้ ส่วนร้อยละ 40 ของรายได้ ต้องนำมาคำนวณเสียภาษีอัตราก้าวหน้าร้อยละ 5-35
- เจ้าของร้านแฟรนไชส์ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ครึ่งปีแรก สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นขึ้นในเดือน ม.ค.-มิ.ย. แต่ต้องยื่นภายในเดือน ก.ย.
- เจ้าของแฟรนไชส์ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ครึ่งปีหลัง สำหรับเงินที่เกิดขึ้นในเดือน ก.ค.-ธ.ค. แต่ต้องยื่นภายในเดือน มี.ค. ของปีถัดไป
ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นร้านแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบของบริษัท (นิติบุคคล) ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้สรรพากรอัตราร้อยละ 20 ต่อปี โดยมีฐานภาษีจากการคำนวณกำไรสุทธิ โดยเจ้าของร้านแฟรนไชส์จะต้องยื่นเสียภาษีเงินได้ปีละ 2 ครั้ง คือ
- ครึ่งปีแรกบัญชีแรก ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 สำหรับเงินได้ช่วง 6 เดือนแรก ต้องยื่นแบบภายใน 2 เดือนนับจากวันครบรอบ 6 เดือนแรก
- ครึ่งปีหลังบัญชีหลัง ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 สำหรับเงินได้ช่วง 6 เดือนหลัง (เดือน 7-เดือน 12) ต้องยื่นแบบภายใน 120 วันหลังปิดปีบัญชี โดยคำนวณภาษีเงินได้ตลอดทั้งปี หักด้วยยอดภาษีที่จ่ายในครึ่งปีบัญชีแรก ก็จะได้มูลค่าภาษีต้องจ่ายในครึ่งปีหลัง
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
หากธุรกิจแฟรนไชส์มีรายได้ต่อปี 1.8 ล้านบาทขึ้นไป ต้องจดทะเบียนเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องเสียภาษีอัตราร้อยละ 7 โดยภาษีที่จะต้องนำส่งสรรพาพร คือ มูลค่าส่วนต่างของภาษีซื้อและภาษีขาย
หากภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ ร้านค้าแฟรนไชส์นั้นๆ จะต้องนำเงินส่วนต่างค่าภาษีจ่ายให้กับสรรพากร แต่ถ้าภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย เจ้าของแฟรนไชส์เลือกที่จะขอคืนภาษีหรือเก็บไว้หักยอดภาษีในปีถัดไปได้
ทั้งนี้ ธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องยื่นแบบ กพ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เพื่อรายงานข้อมูลภาษีซื้อ-ขายในแต่ละเดือน พร้อมทั้งสรุปยอดนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้สรรพกร
ภาษีป้าย
ภาษีป้าย คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบการเพื่อ หารายได้ ไม่ว่าจะแสดงหรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยอักษรภาพหรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลัก จารึก หรือทําให้ปรากฏด้วยวิธีอื่นๆ ดังนั้น ป้ายชื่อ ของผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรูปภาพโลโก้ตัวอักษร ภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป้ายทั่วไป ป้ายผ้าใบ ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายไฟโฆษณา ล้วนต้องเสียภาษีป้ายทั้งสิ้น
** ทั้งนี้หากคำนวณแล้วมีภาษีป้ายที่ต้องเสียต่ำกว่า 200 บาท ให้ชำระภาษีเป็นเงิน 200 บาท
เจ้าของป้ายหรือผู้ครอบครองป้ายจะต้องยื่นแบบ แสดงรายการเพื่อเสียภาษี (แบบ ภ.ป.1) ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี หากติดตั้งป้ายใหม่หรือเปลี่ยนแปลง ข้อความในป้าย ต้องยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ติดตั้งใหม่หรือที่เปลี่ยนแปลงข้อความใหม่
แต่ถ้าหากเจ้าของป้ายได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษี (แบบ ภ.ป.3) ให้ชำระภาษีภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินถ้าชำระภาษีภายในกำหนด และมีภาษีที่ต้องชำระเกิน 3000 บาท สามารถ ผ่อนชำระได้ 3 งวด งวดละ เท่าๆ กัน
เจ้าของธุรกิจสนใจขอรับคำปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ คลิก
https://www.thaifranchisecenter.com/consult/
รวมบริการ #ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ (Service of ThaiFranchiseCenter)
- รับจดเครื่องหมายการค้า
- รับเขียนแผนธุรกิจ
- รับร่างสัญญาแฟรนไชส์
- รับสร้างระบบแฟรนไชส์
- รับปรึกษาแฟรนไชส์
- รับบริหาร Social Media
- รับทำ Proposal แฟรนไชส์
อ้างอิงข้อมูล