ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนคือ “วันแห่งความหวัง” แม้จะล้มเหลวมากี่ครั้ง แต่เชื่อว่าเราก็ยังไม่หยุดที่จะ “ซื้อหวย” ซึ่งภาครัฐเองในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็คล้อยตามและกลายมาเป็น“ฉลากกินแบ่งรัฐบาล” ที่คนส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายให้ เพราะซื้อเท่าไหร่ก็ไม่เคยถูกสักที www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลที่น่าสนใจที่เราควรรู้ว่าถ้าอยากรวยจริงๆ ควรเลือกลงทุนซื้อหวยหรือซื้อแฟรนไชส์อะไรจะรวยง่ายกว่ากัน

 

ซื้อหวยโอกาสรวยคือ 1 ใน 1,000,000
 

ข้อมูลระบุว่าพบว่า คนไทยเล่นหวยกันทุกระดับชั้น ตั้งแต่ผู้มีรายได้น้อย ไปจนถึงมนุษย์เงินเดือน และเจ้าของกิจการ นอกจากนี้ไม่ว่าจะอายุน้อย อายุมาก หรืออยู่ในวัยเกษียณ ก็เล่นหวย โดยคนที่มีรายได้สูงกว่า 15,000 บาทต่อเดือน มีการซื้อล็อตเตอรี่และหวยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 680 บาท คิดเป็น 1.2% ของรายได้ ขณะที่ 50% ของมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของธุรกิจ หรือประมาณ 12 ล้านคนก็เล่นหวยเช่นกัน โดย คนไทย 63% อยู่ในกลุ่ม “ชอบหวย” โดยจะซื้อหวยเฉลี่ยเดือนละ 420 บาท ขณะที่กลุ่ม “ติดหวย” มีอยู่ 11% จะซื้อเดือนละ 800 บาท และกลุ่ม “เล่นขำๆ” มี 26% ซื้อเดือนละ 225 บาท

 

ในฝั่งของคนเล่นหวยคาดหวังโอกาสถูกรางวัลตั้งแต่รางวัลเลขท้าย 2 ตัวไปจนถึงรางวัลที่ 1 โดยสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ละงวดจะพิมพ์ออกมา 100 ชุด โดยใน 1 ชุดจะมีสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมด 1,000,000 ใบ เลขเรียงกันไปตั้งแต่ 000000 ไปจนถึง 999999 มีรางวัลรวมทั้งสิ้น 14,168 รางวัลซื้อ 1 ใบ เท่ากับมีโอกาสถูกรางวัล 1.4168% แยกเป็น

ปัจจุบันมีการขายแบบหวยชุด 2 ใบ 3 ใบ 5 ใบ หากดวงดีถูกรางวัล รับทรัพย์กันที 6 ล้าน 12 ล้าน 18 ล้าน หักภาษีแล้วก็ยังเหลือเงินอีกมาก เรียกว่าถ้าถูกสักทีไอ้ที่เคยซื้อหวยเสียไปเท่าไหร่ก็คงไม่สำคัญ แต่ที่เจ็บปวดกว่า คือคนส่วนใหญ่คิดว่า “หวย คือ การลงทุน” ทั้งๆ ที่โอกาสได้ผลตอบแทนจากการซื้อหวย หรือ ถูกหวยใต้ดิน 2 ตัว และ 3 ตัว ทั้งบนและล่าง มีเพียง 0.4-2% และยิ่งเป็นลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 โอกาสถูกจะเหลือเพียง 0.0001% หรือแค่ “หนึ่งในล้าน” เท่านั้น

 

ซื้อ “แฟรนไชส์” ดีกว่า “ซื้อหวย” จริงหรือไม่?
 

ปัจจุบันเรามีกว่า 640 แฟรนไชส์ให้เลือกลงทุนได้ตามต้องการ แยกย่อยกันไปตามหมวดหมู่เช่น เครื่องดื่ม , อาหาร , บริการ , ค้าปลีก , การศึกษา เป็นต้น ถ้าถามว่าแล้วจะเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์อะไรคือดีที่สุด

คำตอบคือเลือกที่ถนัดและเหมาะสมกับตัวเราเอง เช่น ถ้าตัวเองทุนน้อย ไม่มีประสบการณ์ แนะนำให้ลงทุนกับแฟรนไชส์แบบง่ายๆ จำพวก อาหารหรือเครื่องดื่มที่ลงทุนประมาณ 10,000 -20,000 บาท สะสมประสบการณ์เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจไปพลางๆ ก่อนขยายใหญ่ในอนาคต หรือถ้ามีความพร้อมมากหน่อย อาจจะเลือกในแฟรนไชส์ที่มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น ราคาลงทุนหลัก 100,000 ขึ้นไป ก็จะได้แฟรนไชส์ที่ดูเป็นธุรกิจมั่นคงมากขึ้น รวยเร็วรวยช้าขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเป็นสำคัญ
 

 

ถ้าถามว่าซื้อ “แฟรนไชส์” ดีกว่า “ซื้อหวย” จริงไหม? เราก็ต้องมาทำความเข้าใจระหว่าง “ทำมาหากินกับคำว่าเสี่ยงโชค” แม้การลงทุนทำธุรกิจใดๆ ก็ถือเป็นความเสี่ยงในระดับหนึ่งแต่โอกาสที่จะมีกำไรก็ย่อมเปิดกว้างกว่าการเล่นหวยซึ่งการลงทุนกับแฟรนไชส์ที่มีระบบการบริหารจัดการให้พร้อม มีอุปกรณ์พร้อมเปิดร้าน สอนสูตรและเทคนิคการขายเป็นอย่างดี เงินลงทุนเบื้องต้น 30,000 – 50,000 บาท เราสามารถเปิดร้านขนาดกลางได้ทันที

ถามว่าโอกาสคืนทุนอยู่ตรงไหน ก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์แฟรนไชส์ที่เลือก บางแบรนด์เฉลี่ยคืนทุน 3-5 เดือน หมายความว่าใน 3-5 เดือนเราจะได้เงิน 30,000 – 50,000 คืนมา และหลายแบรนด์ก็คำนวณกำไรให้ทราบล่วงหน้าเช่นมีกำไรจากยอดขาย 30-50% แสดงว่ายิ่งขายได้มากกำไรก็ยิ่งมาก แต่ความต่างของแฟรนไชส์กับหวย คือ การเปิดร้านเราต้องลงทุนทุกวัน เป็นค่าวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งเราก็จะมียอดขายเข้ามาทุกวันด้วยเช่นกัน ต่างจากการเล่นหวย ที่จะลงทุนเดือนละ 2 ครั้ง วันที่ 1 กับ 16 แต่ยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เงินคืนตอนไหน

 

อย่างไรก็ดีการเล่นหวยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหากรู้จักเล่นให้ถูกวิธี สถิติบอกว่ากลุ่มคนที่มีรายได้สูง มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน ชอบซื้อลอตเตอรี่และหวยใต้ดิน เฉลี่ย 14 ครั้งต่อปี หรือปีละ 10,000 บาท แสดงให้เห็นว่าต่อให้เป็นคนที่มีรายได้ คนที่มีเงิน แต่ก็ยังชอบเสี่ยงโชค เพราะถ้าดวงดีโชคดีอาจได้เงินก้อนมาต่อยอดการลงทุน ต่อยอดกิจการ ให้เติบโตยิ่งขึ้น หรือถ้าไม่ถูกก็ไม่เป็นไหร่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินต่อไป ยังไงก็รวยได้เหมือนกัน
 

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/43DlA2q , https://bit.ly/3jxqE07 , https://bit.ly/3jxpBNA , https://bit.ly/31NGr4R , https://bit.ly/2m7PIm3 

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)