“ฮับบา” ออฟฟิศเช่ารายวัน รูปแบบใหม่งานบริการเพื่อเถ้าแก่ป้ายแดง

COWORKING SPACE หรือออฟฟิศให้เช่ารายวันสำหรับคนไทยยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะการเกิดขึ้นของธุรกิจการให้บริการลักษณะนี้ในบ้านเราเพิ่งเริ่มได้ไม่เกิน 2 ปี แต่เป็น 2 ปีที่มีการเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่

สำหรับลักษณะการให้บริการออฟฟิศให้เช่ารายวัน COWORKING SPACE เป็นการให้บริการเพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง แบบไม่ต้องไปลงทุนเช่าออฟฟิศ สำนักงานราคาแพง แต่ COWORKING SPACE จัดสถานที่ให้สามารถตอบโจทย์การให้บริการเหมือนกับออฟฟิศ สำนักงาน แน่นอนต้องต่างจากการทำงานที่บ้าน เพราะพื้นที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสำนักงาน และที่สำคัญได้พบปะพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นที่ร่วมใช้ออฟฟิศเดียวกัน และอาจจะเริ่มต้นธุรกิจลักษณะเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน
      
ด้วยเหตุนี้เอง COWORKING SPACE จึงได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เพราะเป็นสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยบ่มเพาะการเกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่แบบไม่ต้องลงทุนสูง เพราะสามารถใช้ออฟฟิศในวันที่เราต้องการโดยไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาร้านกาแฟเพื่อนั่งทำงาน หรือพบปะลูกค้าอีกต่อไป

สำหรับ HUBBA COWORKING SPACE เป็นหนึ่งในธุรกิจบริการให้เช่าออฟฟิศรายวันที่เปิดให้บริการมานานเกือบ 2 ปี และถือว่าเป็นแห่งแรกๆ ที่ถือกำเนิดบริการลักษณะนี้ในประเทศไทย โดย “นายอมฤต เจริญพันธุ์” นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง กับความฝันที่อยากเห็นการเกิดขึ้นของผู้ประกอบการใหม่ ผ่านการให้บริการ COWORKING SPACE ของตัวเอง
      
นายอมฤตเล่าว่า การให้บริการของ ฮับบา ออฟฟิศให้เช่ารายวัน ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย ดังนั้น ในช่วงแรกของการให้บริการลูกค้าของเราจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะต่างชาติเมื่อเดินทางมาเมืองไทย และต้องติดต่อธุรกิจเขาก็จะมองหาออฟฟิศให้เช่ารายวันในลักษณะนี้ ดังนั้น เราจึงเปิดให้บริการ โดยมีการทำประชาสัมพันธ์ในกลุ่มชาวต่างชาติก่อน

อย่างไรก็ตาม ความฝันของฮับบา เราอยากเห็นการเกิดขึ้นของผู้ประกอบการใหม่เป็นคนไทยผ่านการใช้บริการของฮับบา เราจึงได้ทำกิจกรรมแนะนำตัวเองในกลุ่มของคนไทยรุ่นใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจส่วนตัว ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับที่เราพึงพอใจ เพราะปัจจุบันได้กลุ่มคนไทยที่มาเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้บริการของฮับบาเพิ่มขึ้นตลอด ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าคนไทยมากถึง 50%
      
โดยลูกค้าคนไทยกลุ่มแรกที่เข้ามาใช้บริการ จะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีไอที ต่างคนก็มาจากต่างสถานที่ แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับไอที และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งแน่นอนว่าทำงานที่บ้านจะไม่ได้ตรงนี้ ส่วนโซนที่ 2 เปิดให้บริการใหม่ จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มครีเอทีฟ นักเขียน และส่วนที่ 3 กำลังจะเปิดเป็นส่วนที่ทำขึ้นมารองรับกลุ่มคนที่ทำงานเพื่อองค์กร หรือมูลนิธิ ต่างๆ

อมฤตเล่าถึงการให้บริการว่า จะแบ่งการให้บริการเป็น 3 ส่วน คือ

• ส่วนการให้บริการรายวัน คิดค่าเช่าวันละ 265 บาท
• ส่วนที่สอง จะเป็นส่วนของ การให้บริการเช่าออฟฟิศ แยกส่วนออกมาแบบส่วนตัว คิดค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท พนักงานไม่เกิน 5 คน
• ส่วนที่สาม เป็นส่วนของ การให้บริการห้องประชุม ห้องประชุมเล็กคิดค่าเช่า ชั่วโมงละ 100 บาท (ไม่เกิน 5-6 คน) ห้องประชุมใหญ่ค่าเช่าชั่วโมงละ 250 บาท (ไม่เกิน 15 คน) ภายในห้องประชุมจะมีอุปกรณ์เหมือนกับออฟฟิศสำนักงานทั่วไป

      
สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของฮับบาจะต้องเตรียมอุปกรณ์มาอย่างเดียว คือ โน้ตบุ๊ก ทางฮับบาจะมีไวไฟ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และเครื่องดื่ม ขนมไว้บริการ มีมุมที่เป็นสนามหญ้าไว้สำหรับคนที่อยากออกมาสูดอากาศภายนอก ทำงานในสวน และมีมุมนั่งพักผ่อนสำหรับรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย

เขาเล่าถึงการให้บริการธุรกิจ COWORKING SPACE ว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับการตอบรับดี มีการเติบโตรวดเร็ว ปัจจุบันมีคนที่เปิดลักษณะนี้ทั่วประเทศมากกว่า 20 แห่ง แต่ละรายจะมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป อย่างของเราเน้นบริการพูดคุย ดูแล แนะนำลูกค้าในเรื่องต่างๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการใหม่ที่เริ่มต้นจาก COWORKING SPACE ของเราอยู่หลายราย
      
สำหรับผลตอบแทนของธุรกิจนี้ ในมุมมองผู้บริหารฮับบาเห็นว่า อยู่ในระดับที่น่าลงทุน เพราะความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีกิจการเป็นของตัวเองนั้นมีสูงมาก และเป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ประหยัดเงินในกระเป๋า ในส่วนของฮับบามีรายได้จากการเปิดสาขาแรกที่เอกมัย กรุงเทพฯ มีลูกค้าสลับสับเปลี่ยนเข้ามาใช้บริการมากถึงกว่า 100 คนต่อวัน
      
ส่วนแผนการขยายสาขาตั้งเป้าขยายทั่วประเทศ 100 สาขา โดยการหาพาร์ตเนอร์ร่วมลงทุน และการขยายเอง ปัจจุบันฮับบาได้มีการขยายสาขาในกรุงเทพฯ จำนวน 3 สาขา และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ เช่น หัวหิน สมุย ภูเก็ต และเชียงใหม่ ส่วนการขยายสาขาเน้นการหาผู้ร่วมลงทุน หรือพาร์ตเนอร์ ซึ่งใครสนใจก็สามารถติดต่อกลับมาได้ การลงทุนแต่ละสาขาไม่เกิน 5 ล้านบาท เน้นการตกแต่งภายในเป็นหลัก โอกาสคืนทุนขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการ โทร. 08-1946-6110

อ้างอิงจาก  ผู้จัดการออนไลน์