บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    โอกาสทางธุรกิจ    เทรนด์ฮิตแฟรนไชส์
441
6 นาที
16 ธันวาคม 2568
เทรนด์แฟรนไชส์ปี 69 ลงทุนก่อน ได้เปรียบ!


ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังเผชิญกับความผันผวน ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยในช่วงปี 2568–2569 กำลังอยู่ในช่วงของการปรับตัวครั้งสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์เห็นสอดคล้องกันว่า ตลาดไม่ได้เติบโตหวือหวา แต่กำลังเข้าสู่ช่วงปรับธุรกิจให้มีคุณภาพ แบรนด์ที่มีระบบบริหารจัดการแข็งแรง เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และไม่เร่งขยายสาขาเกินศักยภาพ ยังคงสามารถยืนระยะและสร้างโอกาสในการเติบโตได้ ขณะธุรกิจแฟรนไชส์ที่ไม่มีการสร้างระบบ มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันและถูกถอดออกจากตลาด
 
เมื่อมองไปข้างหน้าในปี 2569 ภาพรวมการแข่งขันของตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยจะเข้มข้นขึ้น จากทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้แฟรนไชส์ไทยจำเป็นต้องยกระดับความเป็นมืออาชีพ สร้างระบบมาตรฐานที่ชัดเจน และพัฒนาโมเดลธุรกิจให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
 
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกมุมมอง แนวโน้ม และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านธุรกิจแฟรนไชส์ของไทย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนมองเห็นทิศทางที่ชัดเจนขึ้นว่า ในยุคที่แฟรนไชส์ไทยไม่ได้แข่งกันเฉพาะแบรนด์ไทยอีกต่อไป ธุรกิจแฟรนไชส์แบบไหนจะ “อยู่รอด” และแบบไหนจะ “เติบโตอย่างยั่งยืน” ในตลาดแฟรนไชส์ไทยยุคใหม่ 
 
ปี 69 เป็นปีแฟรนไชส์ที่ Scale ได้จริง ไม่ใช่แฟรนไชส์เล็ก
 

คุณชัยยุทธ วชิรโรจน์ไพศาล CEO ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ มองว่า แนวโน้มแฟรนไชส์ปี 2569 แฟรนไชส์ขนาดเล็กจะค่อยๆ ลดจำนวนลง เนื่องจากปี 2569 จะเป็นปีที่เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ขนาดเล็กจำนวนมากจะอยู่รอดยากขึ้น ไม่ใช่เพราะสินค้าไม่ดีแต่เป็นเพราะไม่สามารถ Scale ธุรกิจขึ้นไปสู่ระดับ Economy of Scale ได้
 
แฟรนไชส์ขนาดเล็กส่วนใหญ่มีข้อจำกัดร่วมกัน คือ จำนวนสาขาน้อย ต้นทุนวัตถุดิบต่อหน่วยสูง ไม่มีครัวกลางหรือ Supply Chain ของตัวเอง ต่อรองต้นทุนกับซัพพลายเออร์ไม่ได้ ค่าโลจิสติกส์ต่อสาขาสูง ระบบหลังบ้านยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
 
เมื่อเศรษฐกิจชะลอ ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าเช่า ปรับขึ้นพร้อมกัน แฟรนไชส์ที่มีต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่า จะถูกบีบกำไรเร็วกว่าคู่แข่งที่มีสเกลใหญ่กว่า
 
ทำไม Economy of Scale ถึงกลายเป็น “เส้นแบ่งการอยู่รอด”
 
ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เริ่มแตะระดับ 50 สาขา, 100 สาขาขึ้นไป จะเริ่มเห็นข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างทันที เช่น ต้นทุนวัตถุดิบต่อหน่วยลดลง มีอำนาจต่อรองกับโรงงานและซัพพลายเออร์ ลงทุนครัวกลางและระบบ IT ได้คุ้มค่า 
 
ค่า Royalty และกำไรจากวัตถุดิบเริ่มเลี้ยงระบบได้จริง แฟรนไชส์ซีอยู่รอด → ระบบแข็งแรง → ขยายต่อได้
 
ในขณะที่แฟรนไชส์เล็ก แม้จะขายดีเป็นบางสาขา แต่ทั้งระบบยังไม่สามารถทำกำไรเชิงโครงสร้างได้

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2569 แฟรนไชส์เล็กที่ “ขายสูตรอย่างเดียว” จะหายไป

แฟรนไชส์ที่ไม่มี Supply Chain ของตัวเอง จะโตช้า แฟรนไชส์ที่พึ่งค่า Franchise Fee เป็นหลัก จะไปต่อยาก นักลงทุนจะเลือกแบรนด์ที่ “ระบบเลี้ยงตัวเองได้”
 
ในขณะเดียวกัน แฟรนไชส์ที่มีสเกล มีระบบ มีวัตถุดิบเฉพาะ จะขยายสาขาได้เร็วขึ้น เพราะต้นทุนต่อสาขาต่ำลงเรื่อยๆ
 
สรุปแบบสั้น…ปี 2569 ไม่ใช่ปีของแฟรนไชส์เล็ก แต่เป็นปีของแฟรนไชส์ที่ Scale ได้จริง
 
แฟรนไชส์ไทยฟื้นตัว อาหาร บริการต้นทุนต่ำ ผู้สูงอายุ สัตว์เลี้ยงมาแรง
 

อ.สุภัค หมื่นนิกร ทายาทรุ่นที่ 2 Siam Steak และผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร มองว่า ตลอดปี 2568 ตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยมีความคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากผู้ประกอบการจากทุกเจเนอเรชัน ตั้งแต่ GEN X, GEN Y จนถึง GEN Z ให้ความสนใจในการพัฒนาธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์มากขึ้น และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่ธุรกิจออโต้พาร์ท ความงาม สปา การศึกษา สถาบันฝึกอบรมด้านภาษา โรบอติกส์ ร้านซ่อมนาฬิกา เวนดิ้งแมชชีน ร้านขายยา และอีกหลากหลายรูปแบบ
 
ปัญหาหลักที่ผู้ประกอบการจำนวนมากเผชิญ คือ ไม่รู้จะพัฒนาธุรกิจให้เป็นแฟรนไชส์อย่างเป็นระบบได้อย่างไร ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการหันกลับมาทบทวนธุรกิจของตนเองอย่างจริงจัง เพราะเมื่อเศรษฐกิจดี ธุรกิจที่อ่อนแอก็อาจยังพออยู่ได้ แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี จุดอ่อนจะปรากฏให้เห็นชัด และบังคับให้ต้องปรับตัว
 
การสร้างความแข็งแรงให้ธุรกิจด้วยการพัฒนาเป็นแฟรนไชส์ จึงเป็นทางเลือกสำคัญของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน เพราะการขายแฟรนไชส์ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ในระยะยาว ขณะที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์เองก็มองว่าการเริ่มต้นธุรกิจภายใต้แบรนด์ที่มีระบบ มีประสบการณ์ มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าการเริ่มต้นจากศูนย์
 
อย่างไรก็ดี ปัญหาของเจ้าของแฟรนไชส์จำนวนมาก คือ การไม่มีร้านต้นแบบที่สมบูรณ์ ขาดทีมงานและองค์ความรู้ในการซัพพอร์ตแฟรนไชส์ซี ไม่ได้รวบรวมประสบการณ์ของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเล กลยุทธ์การเปิดสาขา การทำกำไร การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การทำโลคอลสโตร์มาร์เก็ตติ้ง หรือการบริหารร้านให้ได้มาตรฐาน
 
อีกประเด็นคือ ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยหลงลืมจุดแข็งของตัวเอง และขาดกระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสมกับแบรนด์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อโอกาสความสำเร็จในระยะยาว รวมถึงยังขาดความรู้ด้าน Franchise Management อย่างแท้จริง
 
สำหรับแฟรนไชส์ที่มีโอกาสเติบโตในปี 2569 อ.สุภัค ประเมินว่าในปี 2569 ธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2568 จากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การปรับปรุงและเสริมความแข็งแกร่งของระบบแฟรนไชส์ซอร์ในช่วงที่ผ่านมา แนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น และแฟรนไชส์ซีจำนวนมากเริ่มเห็นผลกำไรจนอยากขยายสาขาเพิ่มเติม
 
กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีโอกาสเติบโต ได้แก่
  1. กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มทุกรูปแบบ (ร้านขนาดเล็กไปกลาง) แนวสตรีทฟู้ด ใช้เงินลงทุนไม่สูงในราคาเหมาะสม บริหารจัดการง่าย และตอบโจทย์การบริโภคในชีวิตประจำวัน จะยังเป็นกลุ่มหลักที่ขยายตัวได้ดี
  2. กลุ่มธุรกิจบริการต้นทุนต่ำ เช่น สปา ล้างรถ และบริการเฉพาะทางอื่นๆ มีจุดเด่นด้านต้นทุนสินค้าไม่สูง และสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ต่อเนื่อง จึงมีโอกาสเติบโตสูงในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว
  3. กลุ่มธุรกิจการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ สอดรับกับโครงสร้างประชากรสูงวัยของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในระยะยาว
  4. กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ทั้งบริการดูแล สุขภาพ อาหาร และไลฟ์สไตล์ ยังคงเติบโตต่อเนื่องตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว
  5. กลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เช่น สถาบันฝึกอบรมทักษะใหม่ ศูนย์สอนโรบอติกส์ รวมถึงธุรกิจเวนดิ้งแมชชีน เป็นกลุ่มที่ตอบโจทย์อนาคตและมีโอกาสขยายตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม
  6. กลุ่มการศึกษารูปแบบใหม่ โดยเฉพาะสถาบันฝึกอบรมด้านการทำธุรกิจ การสร้างผู้ประกอบการ และทักษะที่ใช้ได้จริง ถือเป็นตลาดที่ยังมีช่องว่างและมีศักยภาพในการเติบโตได้ระยะถัดไป
2569 ปีแห่งมืออาชีพแฟรนไชส์ วัดกันที่ ‘ระบบ’ ไม่ใช่กระแส
 

อ.วิชัย เจริญธรรมานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหารและแฟรนไชส์มายาวนานกว่า 30 ปี  มองว่าภาพรวมของธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2568 เป็นไปตามทิศทางของสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ได้มีการเติบโตหวือหวา แต่ก็ไม่ได้ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง แบรนด์แฟรนไชส์รายเดิมที่มีฐานลูกค้า มีระบบบริหารจัดการแข็งแกร่ง และมีเงินทุนรองรับ ยังคงสามารถประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ แม้อัตราการขยายสาขาจะชะลอตัวลดลง 
 
ในทางตรงกันข้าม แฟรนไชส์รุ่นใหม่ๆ จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มชานม ต้องเผชิญกับแรวกดดันรุนแรงและทยอยออกจากตลาด สาเหตุมาจากการเข้าสู่ตลาดได้ง่าย ใช้เงินลงทุนไม่สูง ทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรง หลายแบรนด์เติบโตจากกระแส แต่ขาดระบบรองรับ เมื่อยอดขายไม่ตามคาด หรือกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ก็ไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้
 
สำหรับธุรกิจอาหารยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะร้านอาหารประจำวัน ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ตอบโจทย์การบริโภคในชีวิตประจำวัน ของผู้บริโภค เปรียบเสมือนปัจจัย 4 เช่น ก๋วยเตี๋ยว อาหารจานเดียว ฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารที่มีราคาจับต้องได้ ยังคงสามารถดำเนินงานต่อไปได้ค่อนข้างดี เพราะสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค 
 
ขณะที่ร้านอาหารขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตรขึ้นไป หรือร้านอาหารระดับพรีเมียมที่เน้นประสบการณ์และการบริโภคในโอกาสพิเศษ จะได้รับผลกระทบจากการลดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค เนื่องจากไม่ได้เป็นการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
 
อ.วิชัย ระบุว่า ปี 2569 จะเป็นปีที่ธุรกิจแฟรนไชส์มีการแข่งขันเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันจากแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งเงินทุน ระบบบริหารจัดการ เทคโนโลยี และประสบการณ์ในการขยายสาขาในหลายประเทศ หากแบรนด์แฟรนไชส์ไทยยังคงขยายตัวแบบเร่งรีบ โดยไม่ได้วางรากฐานระบบอย่างรอบคอบ จะเป็นเรื่องยากในการรับมือกับคู่แข่งระดับสากล
 
อ.วิชัย เน้นย้ำว่า จุดอ่อนสำคัญของแฟรนไชส์ไทยในปัจจุบัน คือ การขยายสาขาโดยไม่ได้ศึกษาตลาดอย่างเป็นระบบ ทั้งในเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค ศักยภาพของทำเล โครงสร้างต้นทุน รวมถึงการคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่มีความพร้อม 
หลายแบรนด์มุ่งเน้นเพียงการขายแฟรนไชส์ให้ได้จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น แต่ละเลยการสร้างมาตรฐานการบริหาร การควบคุมคุณภาพ และการซัพพอร์ตหลังการขาย ทำให้ท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยรวม
 
สำหรับแฟรนไชส์ที่มีโอกาสเติบโตในปี 2569 อ.วิชัย มองว่า จากการประเมินแนวโน้มตลาด แฟรนไชส์ที่มีโอกาสเติบโต
  1. กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารจานด่วน ฟาสต์ฟู้ด ก๋วยเตี๋ยว รวมถึงเครื่องดื่มที่เข้าถึงง่าย ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภค และได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าร้านอาหารระดับพรีเมียม
  2. ธุรกิจเบเกอรี่และเครื่องดื่มเฉพาะทางที่มีเอกลักษณ์ สามารถพัฒนาเมนูใหม่ได้ต่อเนื่อง และมีระบบต้นทุนที่บริหารจัดการได้ดี จะยังคงมีโอกาสขยายสาขา โดยเฉพาะในทำเลชุมชนและแหล่งที่อยู่อาศัย
  3. ธุรกิจความงามและสุขภาพเชิงป้องกันที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในเชิงการดูแลระยะยาว เช่น คลินิกความงามเชิงสุขภาพ อาหารเสริม การฝังเข็ม ทันตกรรม และแพทย์แผนจีน มีแนวโน้มเติบโตตามโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น
  4. ธุรกิจดูแลผู้สูงวัย ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้แฟรนไชส์ด้านการดูแลผู้สูงวัย การฟื้นฟูสุขภาพ และบริการที่เกี่ยวข้อง มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
  5. ธุรกิจสัตว์เลี้ยงยังคงขยายตัว ทั้งคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ รวมถึงบริการเสริม เช่น สปา อาหาร และการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพสูงปี 2569 จะเป็นปีแห่งความเป็นมืออาชีพของธุรกิจแฟรนไชส์ แบรนด์ที่มีระบบมาตรฐานชัดเจน ไม่เร่งขยายสาขาเกินศักยภาพ และสามารถแข่งขันกับแฟรนไชส์จากต่างประเทศได้ จะเป็นผู้ที่คว้าโอกาสการเติบโตในตลาดแฟรนไชส์ไทยได้อย่างยั่งยืน
“สะดวก สุขภาพ ทักษะใหม่ พรีเมียม” เทรนด์แฟรนไชส์ 2569 
 

อ.สุชาติ กิติเฉลิมเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านแฟรนไชส์ มองว่า หากวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2569 ไม่สามารถพิจารณาเพียงตัวธุรกิจหรือรูปแบบแฟรนไชส์เพียงอย่างเดียวได้ แต่ต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ “พฤติกรรมผู้บริโภค” ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางของตลาดอย่างแท้จริง 
 
โดยพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน มีความต้องการความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ต้องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน การเรียนรู้ทักษะใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานและการดำรงชีวิต รวมถึงการเลือกใช้สินค้าและบริการที่สะท้อนภาพลักษณ์และคุณภาพชีวิตในระดับพรีเมียมมากขึ้น
 
อ.สุชาติ มองว่า เทรนด์แฟรนไชส์ที่มีศักยภาพเติบโตในปี 2569 จะเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มขนาดเล็ก ที่ไม่ได้แข่งขันกันด้วยขนาดหรือจำนวนสาขา แต่แข่งขันด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์ รสชาติ ประสบการณ์ และการออกแบบร้านที่มีตัวตนชัดเจน สามารถสร้างความแตกต่างและจดจำในใจผู้บริโภคได้
 
ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจฟิตเนส เวลเนส และสุขภาพเชิงป้องกัน จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผู้บริโภคไม่ได้รอให้ตัวเองป่วยแล้วค่อยรักษา แต่หันมาใส่ใจการดูแลร่างกายตั้งแต่ต้น ทั้งในรูปแบบการออกกำลังกาย การฟื้นฟูร่างกาย และการดูแลสุขภาพในระยะยาว
 
 
อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือ ธุรกิจดูแลผู้สูงวัย ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากโครงสร้างประชากรของประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการดูแลสุขภาพ บริการฟื้นฟู หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย ล้วนมีโอกาสขยายตัวในรูปแบบแฟรนไชส์ หากมีระบบและมาตรฐานที่ชัดเจน
 
นอกจากนี้ ธุรกิจสัตว์เลี้ยงยังคงเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะกลุ่มแมว ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ผู้บริโภคพร้อมใช้จ่ายกับอาหาร อุปกรณ์ และบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว
 
อย่างไรก็ตาม อ.สุชาติ ได้ฝากข้อเตือนไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองแฟรนไชส์จากจีนในฐานะ “คู่แข่งที่น่ากลัว” แต่ควรมองเป็น “กรณีศึกษา” ให้เรียนรู้ ทั้งในเรื่องความเร็วในการขยายตลาด การสร้างโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน และการใช้กลยุทธ์ด้านต้นทุนและซัพพลายเชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกัน แบรนด์ไทยต้องเร่งสร้างตัวตนและเอกลักษณ์ของตนเองให้ชัดเจน ไม่ใช่การเลียนแบบ แต่เป็นการต่อยอดให้เหมาะสมกับบริบทของตลาดไทย
 
ปัญหาหลักที่ อ.สุชาติ มองเห็นในธุรกิจแฟรนไชส์ไทย คือ ผู้ประกอบการจำนวนมาก “อยากขายแฟรนไชส์ แต่ยังไม่เข้าใจระบบแฟรนไชส์อย่างแท้จริง” การขยายแฟรนไชส์โดยขาดความเข้าใจในโครงสร้างระบบ การบริหารความสัมพันธ์กับแฟรนไชส์ซี และการควบคุมมาตรฐาน จะนำไปสู่ปัญหาในระยะยาว และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
 
อ.สุชาติ สรุปว่า ปี 2569 จะเป็นปีที่ธุรกิจแฟรนไชส์ต้องกลับมาทบทวนบทบาทของตนเองอย่างจริงจัง แบรนด์แฟรนไชส์ใดที่สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคและมีโมเดลแฟรนไชส์ได้อย่างลงตัว มีระบบมาตรฐานที่ชัดเจน และมีตัวตนที่แตกต่างจากคู่แข่ง แบรนด์แฟรนไชส์นั้นมีโอกาสยืนระยะและสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
 
เสือนอนกินเริ่มไม่ง่าย! สะดวกซัก เวนดิ้งแมชชีน เหตุทำเลทองใกล้หมด
 

อ.อมร อำไพรุ่งเรือง ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ มองว่า ภาพรวมของธุรกิจแฟรนไชส์ปี 2568 แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่ยังสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า สาเหตุสำคัญ คือ การที่แฟรนไชส์จากจีนซึ่งเคยเข้ามาทำตลาดอย่างคึกคักในช่วงหลายปีก่อน เริ่มลดบทบาทลง ส่งผลให้แบรนด์แฟรนไชส์ไทยมีโอกาสตีกลับและฟื้นตัวขึ้นมาได้ โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าเดิมและมีการบริหารจัดการที่ค่อนข้างมั่นคง
 
อย่างไรก็ตาม อ.อมร ชี้ให้เห็นว่า กระแสธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทที่ถูกมองว่าเป็น “เสือนอนกิน” เช่น ร้านสะดวกซัก และเวนดิ้งแมชชีน เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2568 ไม่ใช่เพราะโมเดลธุรกิจไม่ดี แต่เนื่องจากทำเลที่มีศักยภาพสูงหรือทำเลเกรด A ถูกจับจองไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงทำเลรองหรือทำเลที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนไม่หวือหวาเหมือนในช่วงเริ่มต้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มชะลอการตัดสินใจลงทุน 
 
อ.อมร มองว่าในปี 2569 ธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยยังคงมีหลายกลุ่มที่น่าจับตาและสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคและโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป
 
กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีโอกาสเติบโต ได้แก่
  1. กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยังคงเป็นรากฐานหลักของตลาดแฟรนไชส์ไทย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 พื้นฐานของผู้บริโภค โดยร้านแฟรนไชสฺโมเดล็กที่ไม่ใหญ่มากจะขยายตัวได้ดีกว่าร้านโมเดลใหญ่ๆ 
  2. กลุ่มการศึกษาเชิงทักษะเฉพาะด้าน ที่มุ่งพัฒนาทักษะระยะสั้น ทักษะเฉพาะทาง และการเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ตอบโจทย์ผู้เรียนในยุคที่การเรียนรู้ต้องรวดเร็วและนำไปใช้ได้จริง
  3. กลุ่มเวลเนสและการดูแลสุขภาพ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากกระแสการดูแลสุขภาพและการใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค
  4. กลุ่มธุรกิจดูแลผู้สูงวัย สอดคล้องกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ธุรกิจดูแลผู้สูงวัยและบริการด้านสุขภาพระยะยาว จึงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง แต่การขยายตัวจะค่อยเป็นค่อยไป เพราะเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง 
  5. กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ทั้งด้านการดูแลรักษาสุขภาพ ขายอาหารสัตว์ และไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับสัตว์ มีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน อ.อมร เน้นย้ำว่า สิ่งที่เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ไทยจำเป็นต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจังในปี 2569 คือ การสร้างระบบหลังบ้านให้แข็งแรงควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการในร้าน ระบบซัพพลายเชน ระบบควบคุมคุณภาพมาตรฐาน ระบบฝึกอบรม และระบบซัพพอร์ตแฟรนไชส์ซี หากแบรนด์ใดมุ่งเน้นเพียงการขายแฟรนไชส์ โดยขาดการดูแลแฟรนไชส์ซีหลังการขาย จะยากต่อการรักษามาตรฐานและความน่าเชื่อถือในระยะยาว
 
อ.อมร กล่าวตอนท้ายเพิ่มเติมว่า การขยายแฟรนไชส์ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความผันผวน เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีอย่างรอบคอบ เลือกผู้ลงทุนที่มีความเข้าใจธุรกิจและอยากทำธุรกิจจริงๆ มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและการลงมือบริหารจริง มากกว่าการขยายจำนวนสาขาให้ได้มากที่สุดในระยะเวลาอันสั้น
 
บทสรุป
 
เมื่อรวบรวมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์ทั้งหลาย จะเห็นได้ชัดว่าปี 2569 จะไม่ใช่ปีของแฟรนไชส์ที่ “ขายง่าย” หรือเติบโตจากกระแสเพียงชั่วคราว แต่จะเป็นปีของแฟรนไชส์ที่ “พร้อมจริง มีความเป็นมืออาชีพ” ทั้งในแง่ระบบธุรกิจ คอนเซ็ปต์แบรนด์ ความเข้าใจผู้บริโภค และความสามารถในการบริหารเครือข่ายแฟรนไชส์อย่างมืออาชีพ
 
แบรนด์แฟรนไชส์ที่มีระบบแข็งแรง มีเอกลักษณ์และตัวตนชัดเจน และสามารถคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม จะเป็นผู้ได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว ขณะที่ผู้ลงทุนเองก็ต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เลือกธุรกิจที่สอดคล้องกับความถนัดและเป้าหมายชีวิตของตนเอง รวมถึงบริหารเงินลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่สร้างภาระทางการเงินเกินความจำเป็น
 
สุดท้ายในวันที่การแข่งขันรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ธุรกิจแฟรนไชส์จึงไม่ใช่เพียงการขยายสาขาให้มากที่สุด แต่คือการสร้าง “ระบบธุรกิจที่ยั่งยืน” ซึ่งสามารถเติบโตไปพร้อมกับผู้ประกอบการแฟรนไชส์ซี และผู้บริโภคได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
5 แฟรนไชส์มาใหม่! น่าลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน 25..
1,033
โอกาสมาแล้ว! 13 แบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลกพร้อมเปิดต..
805
เจาะลึก Applebee´s แฟรนไชส์ร้านอาหารที่มาแรงทั่..
385
6 โปรโมชั่น! ส่วนลดค่าแฟรนไชส์ พร้อมใช้ได้ทันที
375
รวมแฟรนไชส์ชานมไข่มุกไทย มีระบบพร้อมเปิดร้าน
368
Abiko Curry แฟรนไชส์ฮิตจากโซล สู่เวทีโลกด้วยสูตร..
339
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด