ทำเลดี มีชัยกว่าครึ่ง

เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้รักอิสระ อยากเป็นนายตัวเอง ไม่ชอบเป็นลูกน้องใครจึงหันมาทำธุรกิจส่วนตัวกัน ส่วนหนึ่งไปเปิดร้านหน้าเว็บขายสินค้าผ่านออนไลน์ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่า ที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงเรื่องทำเล

แต่ก็มีไม่น้อย หันมาทำธุรกิจทั่วๆ ไป ที่ฮิตที่สุดของเด็กรุ่นใหม่จะเป็นร้านกาแฟสดเล็กๆ สวยๆ น่ารัก บางคนก็จะเป็นร้านเบเกอรี่ แต่ที่มีเงินหน่อยก็อาจจะทำร้านอาหารหรือซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารต่างประเทศ แนวอินเทรนด์จากเกาหลี หรือญี่ปุ่น

แต่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกันทุกคน ล้มเหลวก็เยอะ เท่าที่ฟังจะมีปัญหาเรื่อง "ทำเล" ซึ่งเป็น "หัวใจ" สำคัญของการทำธุรกิจ

การจะเลือกทำเลแบบไหนก็ต้องดูว่าธุรกิจหรือ "สินค้า" จับกลุ่มลูกค้าประเภทใด ถ้าสินค้าราคาแพงๆ ก็ต้องจับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์กำลังซื้อสูงๆ ทำเลก็ต้องเป็นห้างสรรพสินค้าหรูๆ อย่างสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ เป็นต้น หากจับกลุ่มที่มีกำลังซื้อรองลงมาก็จะเป็น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ ถ้าสินค้าระดับล่างๆ จับกลุ่มชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ ทำเลที่เหมาะสมก็ต้องเป็นตลาดนัด

หลายปีมา แล้วเคยฟัง "เดช บุลสุข" อดีตเอ็มดีแมคโดนัลด์ ประเทศไทยคนแรก เล่าให้ฟังวิธีสำรวจกำลังซื้อในห้าง จะดูตั้งแต่ทำเลที่ตั้งอยู่ถนนที่มีรถวิ่งมากแค่ไหน ดูว่าเป็นยี่ห้ออะไร ใกล้สี่แยกหรือไม่ หากอยู่ใกล้ไม่ดีรถเข้าลำบาก

คนที่มาห้าง มารถส่วนตัวหรือมาแท็กซี่ ถ้าเป็นรถส่วนตัวแสดงว่ากำลังซื้อสูง นอกจากนี้ ต้องไปดูที่แคชเชียร์ว่าลูกค้าจ่ายแบงก์อะไร หากมีแบงก์ยี่สิบ หรือเหรียญมากๆ แสดงว่ากำลังซื้อของคนแถวนั้นไม่ดี

แม้ในห้าง ก็ต้องดู "ทำเล" ว่าอยู่ฝั่งไหนถึงจะดี ส่วนใหญ่บอกด้านหน้าดีเพราะคนจะเดินเข้าด้านหน้า แต่บางคนก็บอกว่าชอบด้านหลังซึ่งเป็นที่จอดรถ คนมีเงินมีรถทุกคนต้องผ่านและจะต้องดูว่าแดดมาช่วงไหน หากร้านอยู่ในทำเลรับแดดทั้งวันต้นทุนจะสูงเพราะต้องใช้แอร์เยอะกว่าปกติ จะต้องดูให้ละเอียด

อ้างอิงจาก ข่าวสด