จุดกำเนิดแบรนด์บีเอสซี ในเครือไอ.ซี.ซี. เริ่มต้นด้วยการสร้างแบรนด์จากเสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องสำอาง เสื้อผ้าผู้ชาย ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ จากนั้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ บีเอสซีเริ่มแตกไลน์ธุรกิจสู่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค
การแตกไลน์ใหม่นี้นำร่องด้วยการเปิดตัวยาสีฟัน-แปรงสีฟันไฮเฮิร์บ โดย "บีเอสซี" หรือ Hi Herb by bsc ตามด้วยการเปิดตัวชาเขียวพร้อมดื่ม กระดาษเช็ดหน้า จากนั้นบีเอสซีเปิดตัวด้วยการลงสู่ตลาดแผ่นอมระงับกลิ่นปาก
กรอบการบริหารจัดการแบรนด์บีเอสซี ที่ผู้บริหารวางทิศทางไว้คือ จะต้องแจ้งเกิดบีเอสซีในทุกสินค้า และบีเอสซีจะเป็นหนึ่งในธงหลักของไอ.ซี.ซี.(รวมกับแอร์โรว์ วาโก้ และลาคอสต์) ที่ช่วยเสริมยอดขายมากกว่า 13,000 ล้านบาท
ทางบริษัทมีการคุมทิศทาง ในเรื่องของการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์บีเอสซี โดยจะคำนึงถึงความสอดคล้องของแบรนด์เป็นหลัก อย่างกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคบีเอสซีจะเน้นแนวเพื่อสุขภาพ ซึ่งในส่วนนี้ทางสหพัฒน์จะเป็นผู้ดูแลด้านการพัฒนาและการทำตลาด ขณะที่กลุ่มธุรกิจเสื้อผ้าชาย-หญิง เครื่องสำอาง ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ บีเอสซีจะเป็นแบรนด์ที่มีไลฟ์สไตล์ ทางบริษัท ไอ.ซี.ซี.จะเป็นดูแลด้านการออกแบบ-การตลาด
บีเอสซี มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี (รวมถึง บีเอสซีผู้หญิงที่ทำรายได้หลัก และบีเอสซีผู้ชายด้วยที่ยังทำรายได้รองจากกลุ่มผู้หญิงอย่างมาก) จากรายได้รวมของบริษัทที่มีประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยสินค้ากลุ่มเสื้อผ้ามีรายได้สูงสุด รองลงมาคือเครื่องสำอาง บีเอสซีทำรายได้ให้กับบริษัทในสัดส่วนประมาณ 10% เท่านั้นเอง จากการสำรวจของบริษัทพบว่า ผู้บริโภครับรู้ในแบรนด์บีเอสซีแล้วมากถึง 90% และกว่า 70% รู้ว่าเป็นสินค้าของคนไทยในเครือสหพัฒน์และไอ.ซี.ซี
ส่วนแบรนด์ บีเอสซีผู้ชายมี 3 ซับแบรนด์คือ บีเอสซี อีเอ็กซ์ เป็นเสื้อสูท เนกไท คนทำงาน, บีเอสซี 2001 เน้นกลุ่มวัยรุ่น, บีเอสซีแอ็กทีฟ เน้นกลุ่มเล่นกีฬา