แคนนอนก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2480 ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะผลิตกล้องที่ดีที่สุดของโลก กว่าหกทศวรรษมาแล้วที่แคนนอนมิได้มีเพียงชื่อเสียงด้านการถ่ายภาพเท่านั้น แต่ปัจจุบันแคนนอนคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านดิจิตอล
อิมเมจจิ้ง ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมมาสู่ประชาคมโลก แคนนอนมีสำนักงานถึง 195 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานกว่าเก้าหมื่นคน ทำงานในส่วนการวิจัยและพัฒนาการผลิต การขาย และกิจกรรมทางการตลาดแคนนอนยึดแนวปรัชญาเคียวเซ (Kyosei)ที่มีสาระสำคัญคือการใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม
นอกจากนี้ยังผลิตนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่อำนวยความสะดวกทั้งในบ้านและในที่ทำงาน เพื่อบรรลุผลวัตถุประสงค์ดังกล่าว แคนนอนจัดสรรงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นเงิน จำนวน 10 % ของรายได้ทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2528 แคนนอนได้รับสิทธิบัตรจากสหรัฐอเมริกา 19,902 ฉบับ และเป็นหนึ่งในสามของบริษัทยอดเยี่ยมที่มีสิทธิบัตรมากที่สุดของทศวรรษที่ผ่านมา
แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์)ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2537 เป็นสาขาของบริษัทแคนนอน อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น มีพนักงานกว่า 400 คน สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการ ทั้งทางด้านอุปกรณ์ด้านภาพดิจิตอลและเครื่องใช้สำนักงานด้วยทีมขายตรงและเครือข่ายของผู้แทนจำหน่ายกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการอีก 11 แห่ง
กำหนดเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนของแคนนอนในไทยคือ การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในสินค้ากลุ่มต่างๆในจากนี้ถึงปี 2551 ดังนี้
- กลุ่ม D-SLR (Single Lens Removables ) หรือกล้องดิจิตอลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ปัจจุบัน มีส่วนแบ่งตลาด 50% เป้าปี 2551 เพิ่มเป็น 70% และปี 2553 เป็น 80% ตามลำดับ
- กลุ่ม D-Compact หรือกล้องดิจิตอลแบบคอมแพ็ค ปี 2548 มีส่วนแบ่ง 15% ปี 2551 เป็น 30% และปี 2553 เป็น 35% ตามลำดับ
- กลุ่ม D-Printer เป้า อยู่ที่ 45% ปี 2553 เป็น 50%
- กลุ่ม D-AIO หรือเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ใช้ในสำนักงานซึ่งเป็นได้ทั้งเครื่องแฟกซ์ เครื่องถ่ายเอกสาร สแกนเนอร์ และพรินเตอร์ ตั้งเป้าปี 2551 เพิ่มเป็น 25 % และ 30 % ตามลำดับ
- กลุ่ม D-Video เปิดตัวสินค้าราวเดือนตุลาคม 2548 มีเป้าปี 2551 คือ 20% และปี 2553 คือ 30%
- กลุ่ม D-Copier หรือเครื่องถ่ายเอกสาร มีเป้าปี 2551 และ 2553 คือ 25% และ 30% ตามลำดับ
ยอดขายรวมปี 2551 จะทะลุขึ้นถึง 10,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ แคนนอนจะส่งสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดมากกว่า 100 รายการอย่างต่อเนื่อง นอกจากการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับตัวแทนจำหน่ายกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการอีก 133 แห่งทั่วประเทศแล้ว ยังจะร่วมกับดีลเลอร์ เปิด Canon Shop เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยตั้งเป้าว่า ภายในปี 2553 จะเปิดให้ได้รวม 50 แห่ง ภายในปี 2553
เป้าหมายรายได้ของแคนนอนมาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) นั้น เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ยอดขายจากเอเชียเติบโตขึ้นราว 20% เช่นเดียวกับยอดขายที่มาจากสหรัฐอเมริกามากกว่า 30% ยุโรปประมาณ 30% ส่วนญี่ปุ่นมียอดขายประมาณ 25% ส่งให้ปัจจุบัน แคนนอนไม่ได้เป็นแค่บริษัทญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เป็นบริษัทระดับนานาชาติ และระดับโลก อย่างแท้จริง
บริษัท วี แฮ๊ปปี้เนส จำกัด 
บิสิเนส โค้ช แอนด์ คอนซัลติ้ง 
