ตลาดพื้นที่ค้าปลีกกรุงเทพฯคึกคักไม่สร่าง
 
คอลลิเออร์สฯ ชี้ตลาดค้าปลีกในกรุงเทพฯ ยังคงคึกคัก คอมมูนิตี้มอลล์ขึ้นแท่นรูปแบบพื้นที่ค้าปลีกยอดนิยมในปีที่ผ่านมา คาดในช่วงปี 58-59 เขตชานกรุงจะมีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการมากสุด ส่วนตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

จากผลการสำรวจสถานการณ์ตลาดพื้นที่ค้าปลีกในเขตกรุงเทพฯ ของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยฉบับล่าสุด พบว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดพื้นที่ค้าปลีกของกรุงเทพฯ จะกระจายการพัฒนาไปในเขตกรุงเทพฯ รอบนอกเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายแห่ง รวมทั้งโครงการระบบขนส่งมวลชนที่มีการขยายเส้นทางจากในเมืองชั้นในออกมาสู่พื้นที่รอบนอก ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ประชากรในพื้นที่นี้มีมากขึ้นในอนาคต

รูปแบบของพื้นที่ค้าปลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ คอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 962,410 ตารางเมตร หรือประมาณ 14% ของพื้นที่ค้าปลีกในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมดประมาณ 6,881,000 ตารางเมตร มีสัดส่วนมากเป็นอันดับสองรองจากพื้นที่ศูนย์การค้า แม้คอมมูนิตี้มอลล์บางโครงการจะไม่ประสบความสำเร็จและปิดตัวลงหลังจากผ่านไปประมาณ 3 ปี เนื่องจากโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะบริหารโครงการโดยผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ไม่มีความเข้าใจในตลาดพื้นที่ค้าปลีกนั่นเอง 

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา มีความต้องการเช่าพื้นที่ค้าปลีกในเขตกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาล และภาคเอกชนต่างพยายามที่จะโปรโมทกรุงเทพฯ ให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ดีที่สุดในการช้อปปิ้งของเอเซียโดยการออกมาตรการทางการตลาดมากระตุ้นความสนใจ ในขณะที่ความต้องการพื้นที่จากร้านค้าแบรนด์ต่างชาติ และแบรนด์ไทยยังคงมีอยู่มาก และมีความเป็นไปได้ที่จะมากขึ้นในปี 2558 นี้

สำหรับค่าเช่าเฉลี่ยของพื้นที่ค้าปลีก ณ ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาพบว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า โดยทำเลใจกลางเมืองมีอัตราค่าเช่าสูงที่สุด และมากกว่า 3,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนในบางศูนย์การค้า เนื่องจากศูนย์การค้าส่วนใหญ่ในพื้นที่ศูนย์กลางเขตธุรกิจ ตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าซึ่งสะดวกสบายสำหรับนักช้อปปิ้ง โดยแนวโน้มค่าเช่าของโครงการใหม่ๆ จะมีอัตราค่าเช่าสูงขึ้น

นอกจากนี้ คอลลิเออร์สฯ ยังได้สำรวจแนวโน้มของตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งพบว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดของตลาดพื้นที่ค้าปลีก โดยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการพื้นที่ค้าปลีกทุกรายมีการพัฒนาเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือเพื่อรองรับการซื้อสินค้าออนไลน์

อ้างอิงจาก enlighten.co.th