บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    กฎหมายและข้อบังคับ    การจดทะเบียนแฟรนไชส์ เครื่องหมายการค้า
9.4K
2 นาที
22 พฤศจิกายน 2549
การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 

ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่นำมาใช้จัดเก็บแทนที่ภาษีการค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 เป็นต้นมา พร้อมกับภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นภาษีการบริโภค
ซึ่งกำหนดให้จัดภาษีเป็นรายเดือนภาษี เนื่องจากไม่อาจจัดเก็บโดยตรงได้จากผู้บริโภค จึงกำหนดให้ผู้ประกอบการ ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บริโภค แต่มีจำนวนไม่มากนัก พอที่รัฐจะสามารถบริหารการจัดเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีข้อกำหนดเกี่ยวกับ สิทธิประโยชน์ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แก่ผู้ประกอบการ อยู่หลายประการ

อาทิ การนำภาษีซื้อ มาเครดิตหักออกจากภาษีขาย ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม และการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงมีทั้งความเปราะบาง อ่อนไหว และเสี่ยงต่อการหลบหลีก หรือเลี่ยงภาษีได้ง่ายมากกว่าภาษีเงินได้ ที่จัดเก็บภาษีรายปี ดังนั้น เพื่อให้การบริหารการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยการกำกับดูแล ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยถูกต้องครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีการบัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่ ของผู้ประกอบการในส่วนที่เกี่ยวกับ ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไว้ในกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
 
ในขณะนี้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มใช้บังคับมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว จึงสมควรที่จะทบทวนความรู้ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ เกี่ยวกับ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง ประจวบกับอธิบดีกรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ฉบับที่ 131) เรื่องกำหนดแบบหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2545 โดยให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังกลับไปตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 เป็นต้นมา ไขปัญหาภาษีจึงขอนำมาเป็นประเด็น ปุจฉา - วิสัชนา ดังนี้
 
ปุจฉา ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการที่อยู่ในข่าย ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในราชอาณาจักร ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อใด
 
วิสัชนา ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในราชอาณาจักร ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้
  1. ในปีใดที่ผู้ประกอบการมีขนาดรายได้จากการประกอบกิจการเกินกว่า 1,200,000 บาท ให้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีรายได้เกินกว่าเกณฑ์ดังกล่าว
  2. ในกรณีที่ผู้ประกอบการยังมีรายได้จากการประกอบกิจการไม่เกิน 1,200,000 บาท ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีความประสงค์ที่จะเข้าไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ให้กระทำได้โดยยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่ออธิบดีกรมสรรพากรได้ทันที ที่มีความประสงค์ดังกล่าว


     
  3. สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการขายสินค้าหรือการให้บริการบางประเภท เช่น ประกอบกิจการขายสินค้าที่เป็นพืชผลทางการเกษตร ที่ยังไม่แปรรูป สัตว์ และส่วนต่างๆ ของสัตว์ ที่ยังไม่แปรรูป ปุ๋ย ปลาป่น อาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการบำรุง รักษา ป้องกัน ทำลาย หรือกำจัดศัตรูหรือโรคของพืชและสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน การขนส่งทางอากาศโดยอากาศยานในราชอาณาจักร เป็นต้น

    ที่มีความประสงค์ที่จะเข้าไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ให้กระทำได้โดยยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่ออธิบดีกรมสรรพากรได้ทันที ที่มีความประสงค์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ในการจดทะเบียน ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ . พ .01 แจ้งรายการรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในทางทะเบียน เช่น ชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ ที่ตั้งของสถานประกอบการ ประเภทกิจการที่กระทำเป็นปกติ ประเภทสินค้าหรือบริการที่กระทำเป็นส่วนใหญ่ โดยให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ สำหรับผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร หรือ ณ สำนักงานสรรพากรอำเภอ สำหรับผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตต่างจังหวัด
 

ปุจฉา
เมื่อได้จดทะเบียนแล้ว ผู้ประกอบการจะได้สิทธิประโยชน์ในทางภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร
 
วิสัชนา เมื่อได้จดทะเบียนเป็น " ผู้ประกอบการจดทะเบียน " แล้ว จะก่อให้เกิดสิทธิต่างๆ ดังนี้
  1. สิทธิในการออกใบกำกับภาษี เมื่อมีการขายสินค้าหรือการให้บริการให้แก่บุคคลอื่น
  2. สิทธิในการเรียกเก็บภาษีขายจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
  3. สิทธิในการนำภาษีซื้อมาเครดิตหักออกจากภาษีขายใน การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระ
  4. สิทธิในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีที่ในเดือนภาษีใดมียอดภาษีซื้อมากกว่ายอดภาษีขาย
  5. สิทธิที่จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอัตรา 0% ตามที่กฎหมายกำหนด
 
ปุจฉา ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องใช้หลักฐานใดบ้าง
 
วิสัชนา ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการต้องใช้หลักฐานดังนี้
  1. คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ . พ . 01 จำนวน 5 ฉบับ
  2. สำเนาทะเบียนบ้านหรือหลักฐานแสดงการอยู่อาศัยจริง พร้อมภาพถ่ายสำเนาดังกล่าว
  3. บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร พร้อมภาพถ่ายบัตรดังกล่าว


     
  4. สัญญาเช่าอาคารอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการ ( กรณีเช่า ) หรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถานประกอบการและหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น เป็นเจ้าบ้าน , สัญญาซื้อขาย , คำขอหมายเลขบ้าน , ใบโอนกรรมสิทธิ์ , สัญญาเช่าช่วง พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการ และภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว
  5. หนังสือจัดตั้งห้างหุ้นส่วน พร้อมภาพถ่ายหนังสือดังกล่าว ( กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล )
  6. หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วน บริษัท พร้อมวัตถุประสงค์ หนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับ และใบทะเบียนพาณิชย์พร้อมภาพถ่ายหนังสือดังกล่าว ( กรณีเป็นนิติบุคคล )
  7. บัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ และสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว
  8. แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขป และภาพถ่ายของสถานประกอบการ จำนวน 2 ชุด
  9. กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 10 บาท บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ พร้อมภาพถ่ายบัตรดังกล่าว โดยผู้รับมอบอำนาจต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป 
อ้างอิงจาก: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ : ไขปัญหาภาษี


ท่านใดสนใจอยากให้จดเครื่องหมายการค้า แจ้งความประสงค์ได้ที่
โทร : 02-1019187, Line : @thaifranchise
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
904
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
632
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
570
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
522
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
506
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
485
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด