คงเป็นความคิดของคนจำนวนไม่น้อยกับการทำธุรกิจที่ขอเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆแล้วค่อยขยับขยายกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต

แม้ว่าจะเป็นความคิดที่ดีแต่ในความจริงแล้วการทำให้เกิดเช่นนั้นได้เป็นเรื่องที่ยากมากมีนักธุรกิจในโลกจำนวนไม่น้อยที่ล้มไม่เป็นท่าแม้ว่าจะมีความตั้งใจที่เปี่ยมล้มแค่ไหนก็ตาม

 

www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ความคิดเหล่านี้เป็นจริงขึ้นได้อยู่ที่แนวทางในการบริหารยิ่งในภูมิภาคเอเชียด้วยแล้วคนที่ประสบความสำเร็จในลักษณะนี้หาได้น้อยมาก

แต่วันนี้เรามีเส้นทางของนักธุรกิจจากไต้หวันผู้ที่เริ่มต้นชีวิตการทำธุรกิจเล็กๆแต่ปัจจุบันกลับประสบความสำเร็จมียอดขายสินค้าไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท/ปีนั้นคือสิ่งที่ Tony Hsieh ทำได้และวิธีคิดนั้นก็สำคัญมากน่าจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

 

Tony Hsieh เป็นนักธุรกิจ ชาวไต้หวันและเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ประสบความสำเร็จระดับโลกในการทำ Social network เขาเริ่มต้นกับบริษัทขนาดเล็กอย่าง Zappos ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายรองเท้า Tony Hsieh ได้พัฒนาธุรกิจเล็ก ๆ ที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนให้กลายเป็นเว็บขายสินค้าแฟชั่นที่มียอดขายไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี

ในวัยเด็กของ Tony Hsiehไม่แตกต่างไปจากเด็กชาวเอเชียทั่วไป ที่พ่อแม่เป็นผู้กำหนดอนาคตของลูก ๆแต่ด้วยความมุ่งมั่นมีแนวความคิดที่แตกต่าง เขาชื่นชอบการทำธุรกิจและสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเขาเริ่มมีรายได้จากการค้าขาย และเปิดธุรกิจรับออกแบบเว็บไซต์ในหอพัก

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มสำคัญที่ทำให้วันนี้ Tony Hsieh กลายเป็นนักธุรกิจ E-Commerce ชาวเอเชียผู้โด่งดังที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักคำว่าแฟชั่นมากขึ้น และนี่คือ 10 แนวคิดที่  Tony Hsieh บอกว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องมาจากการบริหารที่ดีไม่ใช่เพราะมีโชคชะตามาช่วยเหลือ

 

1.ต้องทำธุรกิจเพื่อวิสัยทัศน์ ไม่ใช่เพื่อเงิน
 

สิ่งที่ Tony Hsieh คิดแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ ก็คือ เขาให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจจากวิสัยทัศน์ มากกว่าการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนหรือเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว

เพราะเชื่อว่าวิสัยทัศน์ (Vision) คือการกำหนดทิศทางทำให้เป้าหมายการทำงานมีความชัดเจนมากขึ้น Tony Hsieh ยังเชื่ออีกว่าวิสัยทัศน์มีองค์ประกอบที่ดี ช่วยให้เรารู้เป้าหมายระยะสั้น ระยะยาว รู้ตำแหน่งของธุรกิจในตลาด และรู้ช่วงเวลาที่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์บรรลุผลสำเร็จ หากธุรกิจเดินตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง กำไรก็มีมากขึ้นซึ่ง เงินเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในธุรกิจเท่านั้น

 

การวางคนให้เหมาะสมกับงานเป็นเรื่องที่สำคัญ และยังรวมถึงวัฒนธรรมในองค์กรที่ไม่ควรมองข้าม ชีวิตในการทำงานต้องมีความสมดุลกัน ตามหลักจิตวิทยา Tony Hsieh เชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด ไม่ใช่คนที่เก่งงานที่สุดแต่ต้องเก่งครอบคลุมทุกด้าน ทั้ง เก่งงาน เก่งคน และเก่งคิด เมื่อเก่งทุก ๆ ด้าน ก็จะทำให้วางคนได้ถูกกับงาน

 

3.ลูกค้า คือนักการตลาดที่ดีสำหรับเรา
 

การสร้างตัวตนหรือทำให้แบรนด์สินค้าของเราเป็นที่รู้จัก การตลาดมีส่วนสำคัญและต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อประชาสัมพันธ์หรือจัดกิจกรรมทุกรูปแบบให้สินค้าเป็นที่ยอมรับของตลาด

แต่การลงทุนทั้งค่าโฆษณา หรือ ค่าการตลาด จะถูกแทนที่การลงทุน ด้วยการดูแลเอาใจใส่ และการบริการ เพราะเมื่อลูกค้ารู้สึกประทับใจในคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ดีจากเรา ก็จะทำให้เกิดการบอกต่อนั้นหมายถึงลูกค้าได้ทำการตลาดให้เรา ดังนั้นนักธุรกิจต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า “ลูกค้า คือนักการตลาดที่ดีสำหรับเรา”

 

4.ต้องมองความสำเร็จในระยะยาว
 

Tony Hsieh มองว่า สิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ก็คือความอดทน สิ่งมหัศจรรย์นั้นเกิดขึ้นได้เสมอ  แต่ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนและการตัดสินใจของผู้ลงทุน ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมองความสำเร็จหรือวางแผนในระยะสั้น  เช่น แผนรายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาสเท่านั้น  แต่แผนในระยะยาวจะช่วยให้เขามีความแตกต่างจากผู้อื่นได้มากขึ้น

ความสำเร็จในการทำธุรกิจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก จากวิธีคิดของ Tony Hsieh บอกว่า“ให้ปล่อยความคิดของคุณออกมา แล้วก็สร้างความคิดให้มันเป็นความจริง”  ดังนั้น ความสำเร็จใด ๆ ก็เกิดขึ้นได้ เพียงเรากล้าเสี่ยง กล้าทดลองสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นกับองค์กร ด้วยการกระตุ้นและจุดประกายความคิดแล้วสร้างสิ่งที่คิดนั้นออกมาให้เป็นจริงให้ได้

6.ผู้บริหารที่ดีต้องใกล้ชิดกับทุกคนในองค์กร
 

Tony Hsieh ให้ความสำคัญเกี่ยวกับหลักและกระบวนการบริหารที่ดี คนในองค์การต้องมีความใกล้ชิดเป็นกันเอง เริ่มจากผู้บริหารควรมีเวลาพูดคุยพบปะกับทุก ๆ คนภายในองค์กร

โดยเฉพาะพนักงานระดับล่างเพราะความสำเร็จของธุรกิจ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน ความใกล้ชิดเป็นกันเองจะช่วยให้ทีมงานในองค์กรทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะได้เรียนรู้และเข้าใจกัน ดังนั้น การได้ใกล้ชิดกับทุกคนในองค์กร ทำให้ผู้บริหารรู้ความเคลื่อนไหวและรู้ความต้องการของพนักงานหรือทีมงาน ผู้บริหารไม่ใช่เป็นผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้ใช้ศิลปะทำให้ผู้ปฏิบัติทำงานจนสำเร็จ

7.ผู้บริหารต้องมีความมั่นใจในตัวเอง
 

Tony Hsieh ให้ความเห็นว่า หลายครั้งที่เรามีความรู้สึกว่าคนอื่นอาจทำงานได้ดีกว่า แต่น่าแปลกใจเพราะท้ายที่สุดกลับเป็นตัวเราเองที่เข้าใจกระบวนการทั้งหมดในธุรกิจได้ดีกว่าพนักงานหรือผู้บริหารอื่น ๆ  คนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง มักคิดว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้

และสิ่งที่จะทำให้เราเชื่อมั่นในตัวเองก็คือการเป็นคนคิดบวก ต้องให้กำลังใจตนเองและคิดอยู่เสมอว่า “ฉันทำได้” หรือ “ฉันจะต้องประสบความสำเร็จให้ได้” ดังนั้น เมื่อต้องการประสบความสำเร็จจงมีความมั่นใจในตัวเอง

ทักษะพื้นฐานและความสามารถของคนเราย่อมแตกต่างกัน เมื่อมีความสำเร็จใด ๆ เกิดขึ้นจากความสามารถของบุคคลเหล่านั้น ผู้บริหารที่ดีต้องชื่นชมยินดีและกล่าวชื่นชมในความสำเร็จของแต่ละคนที่มีส่วนเข้ามาช่วยเสริมสร้างและเติมเต็มในการทำงาน เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเราไม่ได้มองพวกเขาเป็นแค่พนักงานหรือเพื่อนร่วมงาน แต่ในความสัมพันธ์นั้นพวกเราเป็นมิตรภาพกันอย่างแท้จริง

 

9.ต้องรู้จักสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า
 

วิธีคิดของ Tony Hsieh มองว่าการนำเสนอ และ สร้างประสบการณ์หรือความประทับใจที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งด้านสินค้าและบริการ โดยการพูดคุยให้คำแนะนำแก่ลูกค้าอย่างเป็นกันเอง ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย จะนำมาซึ่งความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดของเรา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีอันน่าจดจำให้กับพวกเขา

 

10.ต้องทำงานอย่างมีความสุข
 

Tony Hsieh บอกว่า ทุกความสำเร็จเราอาจจะต้องเสียบางสิ่งบางอย่างไป เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นเราต้องปล่อยวางและทำใจยอมรับ เพราะความสุขนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัจจัยภายนอก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของ แต่ขึ้นอยู่กับความคิดและจิตใจของเราเอง หากเราทำงานอย่างเข้าใจก็จะได้ความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากในการทำธุรกิจ

 

จากแนวคิดเหล่านี้เป็นแกนยึดเหนี่ยวที่ดีให้กับผู้ที่อยากมีธุรกิจหรือคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจไปแล้วได้ใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความสำเร็จได้อย่างชัดเจนหลายอย่างแม้ดูว่าเป็นเรื่องง่ายๆที่ต้องทำแต่บางครั้งเราก็ปล่อยปะละเลยโดยหารู้ไม่ว่าสิ่งนั้นก็เป็นหนึ่งในคีร์เวิร์ดที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น