www.ThaiFranchiseCenter.com ขอพาทุกท่านย้อนกลับไปสู่อดีตกันอีกครั้งไปพบกับ 10 สินค้าที่เกิดจากความบังเอิญล้วนๆ แต่ด้วยความบังเอิญที่ว่านั้นทำให้ทุกวันนี้เราได้ประโยชน์จากสิ่งที่คิดค้นเหล่านั้นเกิดกว่าที่คาดคิดไว้ถือว่าเป็นความบังเอิญที่โชคดีเหลือเกิน

 

"Pacemaker" หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝังในร่างกายมนุษย์ได้ ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในปี 1960 โดยวิศวกรชาวอเมริกัน "Wilson Greatbatch" ที่ขณะนั้นทำงานเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ในขณะที่เขาเดินไปดูการทดลองเขาก็พบว่ามีบางชิ้นส่วนที่ส่งเสียงเหมือนกับการบันทึกการเต้นของหัวใจเอาไว้ ทำให้เขาเริ่มคิดทดลองต่อและผลงานของเขาชิ้นแรกในเครื่องกระตุ้นหัวใจนี้อายุการใช้งานนาน 18 เดือนต่อแบต 1ชุด แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนามาต่อเนื่องจนเกิดประโยชน์แก่คนไข้ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

 

 

เตาอบไมโครเวฟที่ใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากนาย Percy L. Spencer วิศวกร-นักประดิษฐ์ชื่อดังชาวอเมริกัน เดิมทีเดียวเขาทำหลอด Magnetron ที่ใช้ปล่อยคลื่นไมโครเวฟ สำหรับเรดาร์ และในปี 1945 ขณะที่เขายืนดูการผลิต Magnetron พบว่าช็อกโกแลตแท่งได้ละลาย และเดือดอย่างรวดเร็ว หลังจากวันนั้นการพัฒนาเตาอบไมโครเวฟจึงเริ่มต้นขึ้น และวางขาย ในเชิงพาณิชย์ ครั้งแรกในปี 1947 โดยบริษัท Raytheon

 

 

ขณะที่กำลังศึกษาเรื่อง staphylococcus ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งนั้นAlexander Fleming ได้ใส่แบคทีเรียลงในจาน petri ก่อนที่จะไปพักร้อนตอนแรกเขาคิดว่า แบคทีเรียจะโต แต่สุดท้าย “รา” กลับโตขึ้นมาบนจานแทน หลังจากทำการศึกษาอย่างใกล้ชิด จนเขาได้พบว่า “รา” จะปล่อยสารออกมาที่จะยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียและนั่นคือจุดกำเนิดของยาต้านแบคทีเรียตัวแรกของโลกนั่นเอง

 

จุดเริ่มต้นของการค้นพบสินค้าที่กลายมาเป็นเครื่องใช้สำนักงานที่ถูกปรับปรุงให้เป็นเทคโนโลยีที่ดีอย่างต่อเนื่องแต่ในครั้งแรก Ink-jet Printer นั้นเกิดจากการที่วิศวกรของบริษัทแคนนอนได้เผลอวางเตารีดไว้บนปากกาหมึก ก่อนที่ปากกานั้นจะได้รับความร้อนและพ่นหมึกออกมา เมื่อวิศวกรดังกล่าวเห็นก็เริ่มฉุกคิดและเป็นสมมุติฐานตั้งต้นนำไปสู่การพัฒนาเป็นเครื่อง Ink-jet Printer รุ่นแรกต่อไป

 

 

รังสีเอกซ์เรย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลทุกวันนี้ ถูกค้นพบโดย William Rentgen ในปี 1896 โดยเขาได้ทำการวิจัยด้วยการใช้เครื่องสร้างรังสีแคโทดผ่านท่อแก้วสุญญากาศ ปรากฏว่ามีแสงสีเขียววิ่งปะทะกับท่อ ซึ่งแสงดังกล่าววิ่งทะลุวัตถุทุกอย่างที่อยู่หน้ามัน ดังนั้นเขาจึงทดลองถ่ายโครงกระดูกมือไว้ และหลังจากแนวคิดนี้ประสบความสำเร็จก็กลายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทางการแพทย์มาถึงปัจจุบัน

 

มีวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลอยู่ชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า"Saccharin" หรือในบ้านเราเรียกว่า "ขัณฑสกร" ซึ่งถูกค้นพบโดยความบังเอิญโดยนักเคมี 2 รายที่มีชื่อว่า Ira Remsen วันหนึ่งเมื่อเขาเสร็จจากการทดลองสารเคมี Coal Tar ในห้องแล็ปมหาวิทยาลัย Johns Hopkins และได้มารับประทานขนมปัง

พบว่ามีรสหวานโดยที่ภรรยาของเขาไม่ได้ใส่อะไรลงไปเลยวันต่อมาเขาจึงพบว่า สารที่ให้ความหวานนั้นเกิดจากการแตกตัวของ "o-toluenesulfonamide" และได้ตั้งชื่อมันว่า Saccharin ปัจจุบันขัณฑสกรเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหารบางประเภท และต้องควบคุมปริมาณในการใช้งาน เพราะเป็นสารเคมีที่ไม่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และหากบริโภคมากๆ จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้
 

 

ใน ปี 1968 Spencer Silver นักเคมีที่ทำงานให้กับ 3M ค้นพบสิ่งที่ทำให้กระดาษสามารถติดกับพื้นผิวได้โดยบังเอิญ โดยสิ่งนั้นเหนียวพอที่จะยึด แต่ไม่เหนียวเกินไปจนลอกพื้นผิวที่กระดาษไปติดหลุดออกมา ซึ่งหลังจากพยายามหลายครั้งในการทำการตลาดหลังจากการค้นพบในตอนนั้น เพื่อนร่วมงานของเขา Art Fry ก็คิดค้นวิธีในการดัดแปลงสิ่งนั้นเป็น ที่ขั้นหนังสือที่มีตัวแปะและ Post-it ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในที่สุด

 

 

ใน ปี 1853 George Crum พ่อครัวที่นิวยอร์กได้คิดค้นมันฝั่งทอดกรอบ หรือ Potato chips ขึ้นมาจากการที่เขาพยายามสั่งสอนลูกค้าคนที่ส่งคืนเฟรนช์ฟรายด์ของเขาเพราะบอกว่ามันชุ่มน้ำมันเกินไป ด้วยความโกรธเขาจึงหั่นมันฝรั่งให้บางที่สุดเท่าที่ทำได้ ลงไปทอดให้กรอบ คลุกเกลือ และส่งให้ลูกค้า แต่ปรากฏว่าลูกค้าชอบมาก และนั่นคือ จุดกำเนิดของ Potato chips หรือ มันฝรั่งทอดกรอบนั่นเอง

 

หาก ไม่มี Coca Cola เรื่องนี้ก็คงจะไม่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ เพราะเรื่องราวอันสุดยอดนี้เกิดขึ้นปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อ John Pemberton ทหารผ่านศึกที่ผันตัวเองมาเป็นคนปรุงยานั้นตั้งใจที่จะทำยาแต่สุดท้าย มันกลับกลายเป็นเครื่องดื่มที่โด่งดังที่สุด ในโลกยุคนี้ โคคาโคลาผลิตโดย บริษัทโคคา-โคล่าแห่งแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ซึ่งมักเรียกสั้น ๆ ว่า โค้ก ที่จดทะเบียนของบริษัทโคคา-โคล่าในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1944  ก่อนที่นักธุรกิจอย่าง Asa Griggs Candleroy จะทำการตลาดให้โค้กนั้นครองตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้อย่างยิ่งใหญ่

 

 

คุ้กกี้ช็อกโกแลตชิพ ถูกคิดค้นด้วยความบังเอิญโดย Ruth Wakefield ที่โรงแรม Toll House Inn ในปี 1933 เธอกำลังจะทำคุ้กกี้ช็อกโกแลตธรรมดาแต่ช็อกโกแลตหมด เธอเลยเลือกใช้เศษช็อกโกแลตมาใช้แทนและช็อกโกแลตที่เธอใช้นั้น ไม่ละลายรวมกับคุ้กกี้ จึงกลายเป็นคุ้กกี้ ช็อกโกแลตชิพ เหมือนในปัจจุบัน

 

ถือได้ว่าความฉลาดคิดของคนในยุคก่อนทำให้เราได้เจอกับนวัตกรรมทางการแพทย์และสินค้าดังระดับโลกในยุคนี้อีกมากมาย ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าสินค้าที่ถูกคิดค้นในปัจจุบันจะมีสักกี่ชิ้นที่ในอีก 50 ปี หรือ 100 ปี ข้างหน้าจะกลายเป็นพื้นฐานการต่อยอดไปสู่เทคโนโลยีที่ดีกว่า เอาไว้อีก 100 ปีข้างหน้าค่อยมาเขียนถึงเรื่องนี้อีกทีแล้วกันนะครับ 

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก goo.gl/KrS8i9