มีคนจำนวนไม่น้อยที่โชคดี เกิดมาพร้อมต้นทุนชีวิตที่ดี มีเงินถุงเงินถัง บุคคลเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีแบบไม่ต้องลงมือลงแรงอะไร เรียกว่าเป็นเศรษฐีบนกองมรดก แต่ก็มีคนอีกมากมาย ที่สามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนธรรมดา เป็นมหาเศรษฐีได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะบอกให้คุณผู้อ่านที่อยากร่ำรวยรู้ว่า นิสัยประจำวันของมหาเศรษฐีเหล่านั้น ที่ต้องยึดปฏิบัติเป็นประจำ มีอะไรบ้าง เชื่อว่าหากใครอยากร่ำรวย ถ้าทำตาม 9 ข้อข้างล่าง รวยแน่นอนครับ 
 

 

1.รักการอ่าน

เศรษฐีส่วนใหญ่ชอบหาความรู้ใส่ตัวมากกว่าหาความบันเทิง 88% ของเศรษฐีอุทิศเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่ออ่านหนังสือ โดยหนังสือที่นิยมอ่าน ได้แก่ ชีวประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จ ประวัติศาสตร์ และหนังสือเพื่อพัฒนาตัวเอง

2.สร้างรายได้หลายแหล่ง

โดยเฉลี่ยแล้วเศรษฐีส่วนใหญ่ไม่ได้พึ่งพาแหล่งรายได้เพียงแหล่งเดียว มีรายได้มาจากหลายแหล่ง หลายรูปแบบ 65% ของคนรวยมักมีแหล่งรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง นอกจากเงินเดือนประจำ พวกเขายังมีช่องทางหาเงินจากการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในตลาดหุ้น และเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ
 

3.สังสรรค์กับคนที่ประสบความสำเร็จ

คนเราจะประสบความสำเร็จได้ เมื่อห้อมล้อมด้วยคนที่ประสบความสำเร็จ เศรษฐีจึงมักคบค้ากับคนที่มีเป้าหมายในชีวิต มองโลกในแง่ดี และมีความกระตือรือร้น ขณะเดียวกันพวกเขาเลือกหันหลังให้กับพวกโลกสีเทา ชอบคิดลบ เพราะมองว่ามุมมองลบๆ จะบั่นทอนความมุ่งมั่นในการไล่ล่าความสำเร็จของตัวเอง

4.ไล่ตามเป้าหมายของตัวเอง

หลายคนเสียเวลาในชีวิตไปกับการวิ่งตามความฝันของคนอื่น ขณะที่เศรษฐีส่วนใหญ่ มุ่งมั่นกับการวิ่งตามความฝันของตัวเอง เพราะพวกเขารู้ดีว่า Passion จะทำให้การทำงานเป็นเรื่องสนุก ทำให้มีพลังและพร้อมจะเอาชนะความล้มเหลวและความผิดพลาดที่เข้ามาได้อย่างง่ายดาย 

5.หลีกเลี่ยงหนี้
 

คนที่ร่ำรวยมั่งคั่ง ส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงหนี้ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด พวกเขาใช้ชีวิตอย่างประหยัด และซื้อเฉพาะสินค้าที่ใช้เงินสดจ่ายจริงเท่านั้น เวลาเดินทางพวกเขาจะไม่ใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระค่าเดินทางทั้งหมด

ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยจำนวนมาก พวกเขาชอบจ่ายเงินด้วยเงินสด เพราะไม่มีดอกเบี้ยเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากพวกเขาจะใช้บัตรเครดิต พวกเขาต้องแน่ใจว่ามีเงินเพียงพอในการชำระค่าใช้จ่าย เมื่อถึงเวลาตัดยอดเครดิต  

6.จับจ้องเป้าหมายรายวัน

เมื่อตั้งเป้าหมายแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการจับจ้องหรือ Focus ไปที่เป้าหมาย ใช้พลังและความคิดสร้างสรรค์ที่เรามีเพื่อให้รู้ว่า เราจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร

อย่างเช่น ถ้าเราบอกตัวเองว่าอยากทำธุรกิจออนไลน์ เราต้องรู้ด้วยว่าเราจะทำธุรกิจออนไลน์แบบไหน อย่างไร และทำยังไงบ้าง สำหรับเรื่องนี้ Brian Tracy นักสร้างแรงบันดาลใจชื่อดังเคยบอกไว้ว่า “เศรษฐีนั้นไม่ใช่คิดถึงเป้าหมายทุกเดือนหรือทุกวัน แต่พวกเขาเหล่านั้นคิดถึงเป้าหมายและความก้าวหน้าในทุกๆชั่วโมงเลยทีเดียว”

7.ไม่โชว์ความร่ำรวย 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อตลาดหุ้น ที่มีทรัพย์สินในมือกว่า 80.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.4 ล้านล้านบาท เป็นอีกหนึ่งคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัด เพราะปัจจุบันบัฟเฟตต์ ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมมาเกือบจะ 60 ปีแล้ว ซึ่งเป็นบ้านที่ซื้อมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ด้วยราคาเพียง 31,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านบาทเท่านั้น

อีกอย่าง คือ บัฟเฟตต์ เป็นคนที่ไม่พกโทรศัพท์มือถืออีกด้วย เพราะฉะนั้นเลิกฝันไปได้เลยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ราคาแพง ๆ จะได้เงินจากเขา โดยบัฟเฟตต์ พูดถึงความประหยัดของตัวเองเอาไว้ว่า “ชีวิตของผมคงไม่มีความสุขไปมากกว่านี้หรอก ถ้าต้องมีบ้านอีก 6 หรือ 8 หลัง ซึ่งผมมีทุกอย่างเท่าที่จำเป็นต้องมีแล้ว และไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้

8.เป็นผู้ประกอบการ

Mark Zuckerberg ก่อตั้งFacebook ตั้งแต่อายุ19ปี สมัยเป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซีอีโอ Snapchat ที่ชื่อ EvanSpiegel ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีพันล้านที่อายุน้อยที่สุดในโลก ก็เดินบนเส้นทางเดียวกัน

โดยสร้างแอพพลิเคชั่นแชร์ภาพถ่ายยอดฮิตกับเพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สรุปก็คือ 2 มหาเศรษฐีที่ร่ำในวันนี้ พวกเขาเป็นนายตัวเองตั้งแต่นั้นมา การมีกิจการของตัวเองเป็นเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดสู่ความร่ำรวย
 

9.มีความอดทน

แม้ว่าเราจะเคยได้ยินบ่อยครั้งว่า คนธรรมดาได้กลายเป็นมหาเศรษฐีในช่วงข้ามคืน แต่ความเป็นจริงแล้ว นิสัยของคนที่ร่ำรวยและเป็นเศรษฐีตัวจริง แต่ก่อนจะร่ำรวยพวกเขาต้องมีความขยัน อดทน ยึดถือคุณธรรมเป็นที่ตั้ง ใช้จ่ายอย่างประหยัด ลงทุนอย่างชาญฉลาด ก่อนจะลงมือทำต้องคิด วางแผนอย่างรอบคอบ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป 

ทั้งหมดเป็น 9 นิสัยของมหาเศรษฐีบนโลกที่ยึดทำเป็นประจำ พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยกลายเป็นมหาเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย แต่พวกเขาร่ำรวยเพราะนิสัยและแนวทางการดำเนินชีวิตของพวกเขาเอง

ซึ่งแนวทางเหล่านี้อาจมาเกิดจากตัวเขาเองหรือคนรอบข้าง สังคมรอบข้าง แต่ถ้าเขาไม่ทำด้วยตัวเอง ก็จะไม่สำเร็จเหมือนเช่นทุกวันนี้ ไม่เชื่อคุณผู้อ่าน ก็ลองนำเอานิสัยหรือแนวปฏิบัติของมหาเศรษฐีข้างต้น ไปฝึกและปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรดูครับ 

อ่านบทความอื่น ๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://www.thaifranchisecenter.com/home.php 

อ้างอิงข้อมูล https://www.entrepreneur.com/article/304219