Dropbox เป็นเว็บไซต์ฝากไฟล์ ที่มีคนใช้งานกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก เป็นอีกหนึ่ง Start up ที่จับเอาปัญหามาแก้ไขและทำให้กลายเป็นธุรกิจตัวเอง ผู้ก่อตั้งคือ Drew Houston

ภาพจาก goo.gl/images/id74FN
 

ที่ในขณะเริ่มต้นธุรกิจนี้เขายังเป็นนักศึกษาธรรมดาๆ แต่วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นก่อให้เกิดธุรกิจมูลค่าหลายหมื่นล้านกว่าจะมีวันนี้วันที่ Dropbox ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น เส้นทางที่เขาผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่าย

 

www.ThaiFranchiseCenter.com มี10 เรื่องจริงที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับชายคนนี้ Drew Houston

 

ภาพจาก goo.gl/images/aEWy8s

 

พ่อของ Drew Houston เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างฮาร์วาร์ดและมีส่วนสนับสนุนให้เจ้าตัวหัดเขียนโปรแกรมในภาษา Basic ซึ่งเขาสามารถเขียนโปรแกรมความยาว 2-3 บรรทัดด้วยภาษา Basic ได้ตั้งแต่ 5ขวบและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของว่าที่ Software Entrepreneur คนนี้ ก่อนที่จะเริ่มคลุกคลีในแวดวงสตาร์ทอัพตั้งแต่อายุ 14 ปี

 

โดยทำการวิเคราะห์การใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูปของบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมต่างๆ และส่งอีเมล์ไปแจ้งปัญหาและแนวทางแก้ไขแก่พวกเขาบริษัทบางรายอ่านแล้วสนใจจึงติดต่อกลับมาเสนอให้ Drew เข้าทำงานและเขาได้ตอบกลับไปว่าเขามีอายุเพียง 14 ปี เท่านั้น

 

ภาพจาก goo.gl/images/YWR18h

 

ขณะที่ Drew Houston เข้าเรียนระดับปริญญาตรีที่ MIT ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกเขาใช้เวลาในหอพักนักศึกษาไปกับการอ่านประวัตินักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากทั่วโลก

 

เขาบอกว่าการเรียนรู้ชีวิตนักธุรกิจผ่านการอ่านเปรียบเสมือนทางลัดในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของคนที่ตกผลึกแล้วโดยที่คุณไม่ต้องออกไปเผชิญความเสี่ยงนั้น

 

 

ประมาณปี 2006-2007 ขณะที่ Drew Houston นั่งรถบัสเพื่อเดินทางจากบอสตันไปนิวยอร์คแล้วเขาก็นึกได้ว่าลืมแฟลชไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลสำคัญไว้ที่บ้านขณะที่เดินทางมาได้เกินครึ่งทางซึ่งสายเกินกว่าจะวกกลับไปเอาแล้ว ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นนำไปสู่ความรู้สึกว่าการใช้แฟลชไดรฟ์เก็บข้อมูลแบบพกพานั้น ยังไม่สะดวกพอ

 

เขาจึงเกิดแนวคิดใหม่ที่ว่าชีวิตคงจะง่ายขึ้นมากถ้าทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญในเวลาไหนก็ได้บนเครื่องมืออะไรก็ได้รวมถึงสามารถอัพเดตแก้ไขทุกอย่างได้แบบ Real time Drew จึงเขียนโค้ดต้นแบบคร่าวๆ สำหรับโครงการที่จะเป็น Dropbox พร้อมทำวิดีโอสาธิตการใช้งานเพื่อไปโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตจนนำไปสู่การ่วมทุนและเกิดเป็นสตาร์ทอัพที่มาแรงและเติบโตอย่างสุดๆ ในเวลาต่อมา

 

ภาพจาก goo.gl/images/fnAxbD

หลังจาก Beta เวอร์ชั่นของ Dropbox แล้วเสร็จสามารถทำงานได้ในระดับหนึ่งและพบว่ามันแก้ปัญหาให้กับคนที่ไม่สะดวกในการเก็บรักษาและทำงานผ่าน Flash drive ได้จริงเขาก็เริ่มเดินตามแผนธุรกิจที่วางไว้ คือการนำโครงการของเขาออกเสนอแก่นายทุนต่างๆ

 

และหนึ่งในนายทุนกลุ่มแรกๆ ก็คือ Sequoia โดย Mike Moritz ผู้บริหารระดับสูงของ Sequoia ได้เข้ามาเจรจาซื้อขายกับ Drew Houston หลังจากเจรจาเสร็จเขาเฝ้ารอการโอนเงินลงทุนอย่างใจจดใจจ่อและเมื่อเขากด Refresh หน้าจอ ภายในเสี้ยววินาทีที่ Sequoia โอนเงินเข้ามา เงินในบัญชีก็พุ่งจาก 60 เหรียญ ไปเป็น 1,200,000 เหรียญ

 

 

Dropbox เปิดตัวด้วยการเอาวิดีโอโปรโมตบริการไปโพสต์บนเว็บไซต์กระทู้อย่าง Reddit และ Slashdot โดยหวังจะทำให้เป็นที่สนใจ และทำให้พวกเขาได้ลองใช้บริการ และช่วยพูดโฆษณาให้

 

ผลที่ตามมาเหนือความคาดหมาย เพราะเป็นกลยุทธ์แห่งความสำเร็จ จากยอดผู้ใช้ 5,000 คนในบัญชีที่รอการยืนยันสถานภาพสมาชิก ไม่กี่วันถัดมายอดสมาชิกที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 75,000 บัญชี และก็กระโดดมาเป็น 100,000 และ 200,000 ภายในเวลาราว 10 วัน

 

ภาพจาก goo.gl/images/gtt3By

 

ภายหลังก่อตั้งบริษัทมาได้แค่ 2 ปี Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple ก็เชิญ Drew Houston ไปพบที่สำนักงานใหญ่ในคูเปอร์ติโนและเสนอขอซื้อกิจการ Dropbox ซึ่งคำตอบของ Drew Houston ก็คือไม่ เพราะเขายังต้องการปั้นให้บริษัทเติบโตด้วยมือตัวเอง

 

ผลลัพธ์จากการปฏิเสธ Apple ไปในวันนั้นก็ทำให้ Dropbox ก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจหลักพันล้านดอลลาร์ในเวลานี้ได้ด้วยศักยภาพและความทุ่มเทของเขาเองซึ่งเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาตัดสินใจไม่ผิดที่ไม่ขายกิจการ Dropbox ให้แก่ Apple

 

 

Drew Houston มีปรัชญาส่วนตัว 3 ข้อคือ A Tennis Ball ที่เขาเปรียบกับพลังของ สมาธิ หรือการโฟกัสในเป้าหมาย ต้องทรงพลังแบบสุนัขจ้องลูกเทนนิส ต่อมาคือ The Circle ที่เชื่อว่าเราอยู่ใกล้คนแบบไหน เราจะเป็นคนแบบไหนและในขณะเดียวกันก็เป็นการสะท้อนว่าเราเป็นคนแบบใดเช่นกัน  ข้อสุดท้ายคือ Thirty Thousand ป็นจำนวนชั่วโมงชีวิตของมนุษย์ซึ่งสั้นมากดังนั้นจงทำแต่ละวันให้ดีที่สุด 

 

ภาพจาก goo.gl/images/HLfV57

 

Drew Houston ยอมรับว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Dropbox ประสบความสำเร็จได้คือการตัดสินใจเริ่มต้นเร็วในช่วงเวลาที่ตลาดยังไม่มีการแข่งขันสูงเพราะในยุคนั้น บริษัทยักษ์ใหญ่มักมองข้ามไม่คิดว่าสตาร์ทอัพเป็นคู่แข่งขณะที่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็เปิดโอกาสให้เขามีเวลามากพอที่จะค่อยๆ เรียนรู้ทักษะการบริหารและพัฒนาศักยภาพของตัวเอง

 

 

Drew Houston นำ Dropbox เข้าตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมาในราคาหุ้นละ 21 เหรียญ และปิดตลาดที่ 28.48 เหรียญ ล่าสุดวันที่ 30 มีนาคม 2018 ราคาหุ้นขึ้นไปที่ประมาณหุ้นละ 30 เหรียญเ ศษ ส่งผลให้ Dropbox กลายเป็นกิจการที่มีมูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านเหรียญ

 

ภาพจาก goo.gl/images/P1dPc7

 

Dropbox มีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 500 ล้านคน ในจำนวนนั้นแบ่งเป็น 11.5 ล้านคนที่ยอมจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนเพื่อแลกกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้น นอกจากบริการพื้นฐานที่สมาชิกทุกคนจะได้รับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรี นอกจากนี้ยังมีสมาชิกที่เป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจอีกราว 300,000 ราย มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีพนักงานทั่วโลกมากกว่า 2,000 คน

 

Drew Houston สะท้อนให้เห็นว่าหมดยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่นับแต่นี้คือปลาเร็วชนะปลาช้า ขนาดยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ที่ได้ชื่อว่ายักษ์ใหญ่ในวงการเมื่อถูกปฏิเสธซื้อกิจการก็เปิดตัว iCloud ขึ้นมาสู้ในปี 2011 แต่สุดท้ายก็เอาชนะ Dropbox ของ Drew Houston ไม่ได้ หมายความว่าใครก็ตามที่มีไอเดียดีกว่าและเริ่มได้เร็วกว่าต่อให้มาทีหลังยังไงก็วิ่งแซงธุรกิจรุ่นพี่ได้เหมือนกัน

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

 

ขอบคุณข้อมูล goo.gl/Io5k2S

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)