แกะรอยวิธีคิด สตีฟ จ็อบส์ : ผู้รังสรรค์ประสบการณ์ชั้นเลิศ
 

จากเดือนที่แล้ว ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 – อาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผมได้เขียนเล่าถึงแง่มุมบางอย่างจากสตีฟ จ็อบส์ ที่ผมเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับ ท่านผู้ประกอบการ SME ในหลาย ๆ ด้าน จนถึงเดือนนี้ ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านตัวหนังสือชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์

เพิ่มมากขึ้นไม่มากก็น้อย ในฉบับนี้ผมอยากที่จะแชร์ในมุมมองบางส่วนของผมว่าทำไมผมจึงคิดว่าสตีฟ จ็อบส์มีความแตกต่างจาก CEO บริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหลาย และทำไมท่านผู้ประกอบการจึงควรที่จะซึบซับแนวคิดนี้ และนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตนเพื่อที่ท่านจะได้ประสบความสำเร็จในกิจการของท่านมากยิ่งขึ้นครับ

 

หากนำผลิตภัณฑ์ของ Apple ทุกชิ้นมาวางเรียงกันจะเห็นว่านอกจากคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ แล้ว ไม่มีผลิตภัณฑ์ชิ้นใดเลยที่เป็นนวัตกรรมใหม่ถอดด้าม ในหลาย ๆ ครั้ง Apple กลับเป็นผู้มาทีหลังด้วยซ้ำในตลาดนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น iPod ที่ออกมาในช่วงที่มีเครื่องเล่น MP3

อย่างมากมายในตลาดและวางจำหน่ายล่วงหน้าไปแล้วหลายปี และที่เด่นชัดที่สุดคือ การออก iPhone มาท้าทายเจ้าตลาด ไม่ว่าจะ Nokia หรือ Blackberry แต่ทุก ๆ ครั้ง ไม่ว่าตลาดที่เข้าไปจะแน่นไปด้วยผู้มาก่อนเพียงใด Apple สามารถที่จะเป็นผู้ชนะในตลาดนั้น ๆ และไม่ใช่ชนะธรรมดา แต่สามารถกวาดส่วนแบ่งตลาดแบบถล่มทลาย โดยผู้ที่มาก่อนถึงกับต้องทรุดกันเลยทีเดียวในช่วงเวลาไม่นาน
 

สถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่ต่างจาก SME ไทยของเราที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ความแตกต่างของตัวสินค้าหรือบริการก็ดูไม่แตกต่างกันมาก และดูไม่ออกว่าจะสามารถสร้างความแตกต่างอะไรไปได้มากกว่านี้ หากเราสามารถเรียนรู้จากปรากฎการณ์ที่สตีฟ จ็อบส์ สามารถรังสรรค์ให้เกิดความสำเร็จอย่างท่วมท้นแก่ผลิตภัณฑ์ Apple ได้อย่างข้าใจ เราคงได้แนวคิดดี ๆ เพื่อใช้ในการปรับเปลี่ยนการบริหารธุรกิจของเราเองให้ดียิ่งขึ้น

 

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Apple นั้นมีความโดดเด่นอย่างมากด้วยกัน 2 ด้าน คือ 1) ดีไซน์ที่สวยเรียบ แต่ดูหรูโก้ และมักจะโดดเด่นกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดในประเภทเดียวกัน และ 2) ความง่ายในการใช้งาน ซึ่งถึงแม้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะบรรจุเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไป แต่การใช้งานของผลิตภัณฑ์ Apple จะให้ความรู้สึกง่ายกว่าการใช้งานผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของคู่แข่งอย่างมาก

เมื่อรวมความโดดเด่นทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ครอบครองสินค้า Apple เกิดความรู้สึกร่วมกับสินค้ามากกว่าแค่การได้ครอบครอง หรือได้ใช้งานจากประโยชน์ของสินค้านั้น ๆ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ร่วมมี “ประสบการณ์” ชั้นเลิศผ่านการใช้งานตัวสินค้านั้น ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการรังสรรค์โดยทีมงานของ Apple โดยการกำกับของสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งขึ้นชื่อมากว่าไม่ยอมให้รายละเอียดใด ๆ ผ่านไปได้ หากเขาไม่คิดว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นดีที่สุด และง่ายที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะเอื้อให้ทำได้
 

จะเห็นได้ว่าสิ่งที่สตีฟ จ็อบส์ให้ความสำคัญนั้น เป็นสิ่งที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ให้ความสำคัญน้อย นั่นคือ การทุ่มเทเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอมในชีวิตลูกค้าน้อยที่สุด ทำอย่างไรที่จะให้การใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรานั้นขัดต่อธรรมชาติของลูกค้าน้อยที่สุด ผลที่ได้ก็คือลูกค้าเมื่อใช้สินค้าเกิดความประทับใจ เนื่องจากมีความสอดคล้องกับธรรมชาติของคนใช้ ประกอบกับประโยชน์ที่ได้ก็สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เมื่อรวมกันจึงเกิดเป็น “ประสบการณ์”ชั้นเลิศ ทำให้ผลิตภัณฑ์ Apple ฉีกตัวเองออกมาจากคู่แข่งถึงแม้เป็นสินค้าประเภทเดียวกัน

 

หลาย ๆ ครั้งพวกเรามักจะมุ่งเน้นความสนใจและพยายามที่จะพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “hardware” อันได้แก่ ความสามารถเชิงเทคนิคของสินค้านั้น ๆ มากจนเกินไป จนให้ความสนใจน้อยจนเกินไปในส่วนที่เป็น “software” อันได้แก่ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสินค้านั้น ๆ เพื่อจะใช้ประโยชน์จากสินค้านั้น ๆ ผลที่ได้ก็คือ การใช้งานสินค้าต่าง ๆ จึงมักไม่ค่อยง่ายและยุ่งยาก และไม่สามารถให้ประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานได้ หากเราให้ความสำคัญกับ “software” ให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะพัฒนา และปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ในการใช้สินค้า หรือบริการของเรา

เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน หรืออย่างน้อยไม่ให้เกิดความยุ่งยากเกินความจำเป็นแล้ว ผมเชื่อว่าท่านผู้ประกอบการทุกคนน่าจะสามารถพัฒนาสินค้า หรือบริการของท่านให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างจับต้องได้ อันนำไปสู่การสร้างความแตกต่างในใจของลูกค้าผ่านสินค้า และบริการที่ดูเหมือนว่าจะเดิม ๆ ได้

อ้างอิงจาก    TMB Smart SMEs