บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ไอเดียธุรกิจ
5.0K
3 นาที
27 พฤศจิกายน 2562
เปลี่ยนที่ดิน เป็น “Organic farm” สุดยอดการเกษตรจาก “ไร่ปลูกรัก”


ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่ยังผันผวนเดี๋ยวนี้งานเลือกคนไม่ใช่คนเลือกงาน จบปริญญาตรีก็ใช่ว่าจะมีงานทำมีเงินดีเหมือนที่พ่อแม่ตั้งใจ ตัวเลขคนว่างงานยังพุ่งสูงไม่รวมกับการถูกเลิกจ้างซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาหลายคนได้รับผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้ คำว่า “เป็นนายตัวเอง” เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น แต่คำถามคือ “จะทำอะไร” หลายคนเลือกกลับต่างจังหวัดไปหางานทำแถวบ้าน บางคนพอมีที่ดินอยู่บ้างก็เลือก “การเกษตร”
 
www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่า “เกษตร” สามารถสร้างเป็นธุรกิจที่ได้เพียงแต่ต้องเข้าใจหลักการ เทคนิค และมองตลาดให้เป็น ปัจจุบัน “เกษตรออร์แกนิค” คือตลาดที่นับวันจะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนพื้นที่เปล่าของตัวเองให้เป็น “Organic farm” ได้อย่างไร เรื่องนี้เราต้องมาพูดคุยกับสุดยอดกูรู Organic farm คุณกานต์ ฤทธิ์ขจร เจ้าของ “ไร่ปลูกรัก” ที่ อ.บางแพ ราชบุรี โดย “ไร่ปลูกรัก” แห่งนี้ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 19 ปีและตอนนี้ก็มีสินค้าเกษตรออร์แกนิคส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย
 
สถานการณ์ตลาด “ออร์แกนิค”


ก่อนจะเข้าเรื่องเปลี่ยนที่เปล่าเป็น “ฟาร์มออร์แกนิค” เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวตลาด “ออร์แกนิค” ระดับโลกซึ่งกระทรวงพาณิชย์เผยว่าสินค้าออร์แกนิคในตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 104,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีอัตราการขยายตัวประมาณปีละ 20% ยุโรปและอเมริกาเหนือ ถือเป็นตลาดเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดมูลค่าตลาดรวมกันร้อยละ 90
 
นอกจากนี้ยังมีตลาดโซนอื่นๆ เช่น เอเชีย จีน และออสเตรเลีย ส่วนตลาดสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยเฉพาะไทย มีมูลค่าตลาดภายในประเทศประมาณ 3,000 ล้านบาท และมูลค่าการส่งออกประมาณ 2.1 พันล้านบาท และมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ต่อปี สำหรับพื้นที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยจากเดิม 357,091 ไร่ เพิ่มขึ้นมา 83% หรือคิดเป็น 0.652 ล้านไร่ ซึ่งมีพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์มากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ในกลุ่มอาเซียน รองจากอินโดนิเชีย และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังคาดการณ์อีกว่า ตลาดสินค้าออร์แกนิคของไทยจะมีมูลค่าถึง 5,400 ล้านบาท ภายในปี 2564 อีกด้วย
 
“ไร่ปลูกรัก” ดำเนินธุรกิจ “ฟาร์มออร์แกนิค” มากว่า 19 ปี


คุณกานต์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ “ไร่ปลูกรัก” ว่าเป็นธุรกิจที่เกิดจากความชอบและใจรัก อยากให้คนไทยได้มีอาหารที่ปราศจากสารปนเปื้อน ซึ่งไร่แห่งนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2000 ยุคนั้นเริ่มมีกระแสของอาหารต้านโรค อาหารล้างพิษ ส่วนตัวของคุณกานต์ และคุณอโณทัย เริ่มต้นฟาร์มออร์แกนิคแบบค่อยเป็นค่อยไปศึกษาแนวทางและตำราต่างๆ เพราะยุคนั้นข้อมูลข่าวสารยังไม่รวดเร็วเหมือนในปัจจุบัน แต่เป็นการทำด้วยใจรักบนที่ดินกว่า 60 ไร่  โดยปลูกเอง ขายเอง ปลูกพืชผักแบบไร้สารพิษ ไร้ยาฆ่าแมลง และไร้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น โดยคำนึงถึงเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม และค่อยๆ ต่อยอดมาเป็นศูนย์การเรียนรู้
 
และปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ส่งขายทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศรวมกว่า 30 รายการ โดยผ่านการตรวจสอบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระบบสากล (IFOAM Accredited) สินค้าส่งออกยอดนิยม เช่น น้ำส้มสายชูหมัก , ข้าวหอมออร์แกนิค และน้ำพริกจากวัตถุดิบที่ปลูกเอง รวมถึงน้ำยำ ต่างๆ เป็นต้น


ปัจจุบัน  “ไร่ปลูกรัก” ดำเนินกิจการมานานกว่า 19 ปีและกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 20 มีการเติบโตทางธุรกิจเป็นลำดับ และมีการพัฒนารูปแบบฟาร์มไปสู่ความเป็นออร์แกนิคสากลมากขึ้น โดยคุณกานต์นอกจากเปิดพื้นที่ภายในฟาร์มให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ยังมีการเปิดคอร์สสอนการเปลี่ยนที่เปล่าให้เป็นฟาร์มออร์แกนิคสำหรับคนที่สนใจ ซึ่งคุณกานต์มองว่า “สินค้าออร์แกนิค” แม้จะเป็นตลาดที่มีความต้องการเฉพาะแต่โอกาสเติบโตของสินค้านี้ก็มีสูงยิ่งในปัจจุบันกระแสรักษ์สุขภาพ รักษ์โลก กำลังมาแรง “ฟาร์มออร์แกนิค” จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางการลงทุนที่น่าสนใจมาก
 
ขั้นตอนเบื้องต้น “เตรียมฟาร์มออร์แกนิค”


คุณกานต์ เล่าว่า “อาหารอินทรีย์หรือออร์แกนิคทุกอย่างจะต้องสามารถติดตามและระบุได้ว่ามาจากแหล่งใดนับตั้งแต่จากไร่ไปจนถึงบนจานอาหาร เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค โดยมาตรฐานของอาหารออร์แกนิคยังต้องตรงตามข้อกำหนดของกฎหมายของประเทศนั้นๆ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และไม่เฉพาะต่างจากอาหารที่ไม่เน้นกระบวนการอินทรีย์เท่านั้น อาหารออร์แกนิคนั้นผลิตโดยใช้ปุ๋ยธรรมชาติ ใช้พลังงานในการผลิตไม่มาก และเคารพในธรรมชาติ”
 
ขั้นตอนการเตรียมฟาร์มออร์แกนิค หากเรามีพื้นที่เปล่าสำคัญสุดคือต้องเริ่มเตรียมพื้นที่ ยกตัวอย่างฟาร์มออร์แกนิคในต่างประเทศบางแห่งใช้เวลาเตรียมการกว่า 3 ปีจากพื้นที่ปกติ เช่นเริ่มจากการจัดวางการลำเลียงน้ำที่ผ่านฟาร์มให้อยู่ห่างไกลมูลสัตว์ ส่งผลให้ห่างไกลแมลงและสิ่งไม่พึงประสงค์ รวมถึงกรองน้ำและมีระบบจัดการน้ำที่ชัดเจน และจัดการผืนดินให้มีความอุดมสมบูรณ์


หัวใจสำคัญของฟาร์มออร์แกนิคคือต้องสร้างดินให้มีสภาพสมดุลตามวิถีธรรมชาติ เช่น ปลูกพืชตระกูลถั่ว เพื่อเพิ่มแร่ธาตุให้แก่ดิน และปลูกพืชให้เหมาะสมกับภูมิอากาศและบริเวณใดก็ตามที่เป็นแหล่งน้ำ ต้องมั่นใจว่าสะอาด ไม่มีสารพิษตกค้าง โดยรอบฟาร์มออร์แกนิคต้องมั่นใจได้ว่าอยู่ห่างจากสารเคมีของเกษตรกรรายอื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งหลังจากการเตรียมพื้นที่เหล่านี้พร้อม ฟาร์มออร์แกนิคก็ต้องมีใบรับรองมาตรฐานที่จำเป็นเพื่อให้ฟาร์มเป็นที่ยอมรับและเพื่อที่จะสามารถส่งผลผลิตออกจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศในรูปแบบสินค้าออร์แกนิค
 
มาตรฐานสินค้าออร์แกนิคในประเทศ - ต่างประเทศที่ควรรู้


เริ่มจากในประเทศ ได้แก่ มาตรฐาน GAP (Good Agriculture Prac-tices) ซึ่งเป็นการกำหนดเป็นมาตรฐานสินค้าผักและผลไม้ไทยระดับฟาร์มหรือแปลงปลูก การตรวจระบบ GAP ดำเนินการโดยกรมวิชาการเกษตรคุณสมบัติเบื้องต้นเช่น แหล่งน้ำต้องมาจากแหล่งสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน ,ไม่มีสารปนเปื้อนในดินที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในผลผลิต ,การเก็บรักษาและขนย้ายต้องมีโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน ,มีการคัดแยกคุณภาพของผลผลิตออกอย่างชัดเจน เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีมาตรฐาน Q ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครอบคลุมไปที่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ สินค้าพืช ปศุสัตว์ และประมง เพื่อการันตีความเป็นฟาร์มออร์แกนิคที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น


ในต่างประเทศมาตรฐานที่ควรมีคือ มาตรฐาน Global GAPซึ่งเป็นมาตรฐานที่จัดขึ้นโดยเอกชนยุโรป โดยควบคุมการผลิตสินค้าอย่างครบวงจร ได้แก่ พืชผัก ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำ เกษตรกรต้องเป็นผู้ติดต่อหน่วยงานที่ออกใบรับรองให้เข้าไปตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีมาตรฐาน EU GAPที่เป็นมาตรฐานควบคุมสินค้าเกษตรและอาหารไม่ให้เกิดโทษกับชีวิต ผู้ผลิตและผู้ส่งออกนั้นต้องควบคุมคุณภาพผักผลไม้ในทุก ๆ ขั้นตอนการผลิต การส่งออกนั้นต้องผ่านมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ Q-GAP จากกรมวิชาการเกษตรเสียก่อน รวมถึงยังมีมาตรฐาน ASEAN GAP ที่เป็นมาตรฐานการผลิตผักผลไม้สดในภูมิภาคอาเซียน พัฒนาขึ้นจากมาตรฐาน GAP ของแต่ละประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผักผลไม้ที่ผลิตในอาเซียนมีคุณภาพและปลอดภัย สุดท้ายเพื่อความสะดวกทางการค้าระหว่างภูมิภาคนั่นเอง


ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าฟาร์มออร์แกนิค มีความละเอียดอ่อนของวิธีดำเนินการที่ทุกอย่างต้องมีมาตรฐานและการรับรองอย่างถูกต้องและทำตามข้อกำหนดต่างๆ อย่างเคร่งครัด ซึ่งคุณกานต์บอกว่า เรื่องการเปลี่ยนพื้นที่เปล่าเป็นฟาร์มออร์แกนิคนี้ทุกคนสามารถทำได้เพียงแต่ต้องเข้าใจในขั้นตอนและวิธีการ ซึ่งคุณกานต์เองก็พร้อมให้ความรู้แก่ผู้สนใจเรื่องนี้อย่างละเอียด
 
กิจกรรมน่าสนใจใน “ไร่ปลูกรัก”


ปัจจุบัน “ไร่ปลูกรัก” มีสินค้าส่งออกไปยังอเมริกาและยุโรป รวมถึงสินค้าหลายรายการก็ส่งจำหน่ายในประเทศไทย ถือเป็นฟาร์มออร์แกนิคขนาดใหญ่ที่คนรู้จักเป็นอย่างดี และนอกจากสินค้าเพื่อสุขภาพมากมาย ทางไร่ปลูกรักยังเปิดให้ผู้สนใจได้เข้ามาพักผ่อนและร่วมทำกิจกรรมน่าสนใจอีกมายมาย เช่น


1. การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเครื่องดื่มออแกนนิกส์ มีการพูดคุยให้รู้จักเกี่ยวกับการทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ จากนั้นจึงพาออกทัวร์ชมฟาร์ม แปลงผักออร์แกนนิกส์ ผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช ปุ๋ยเคมี หรือผลิตภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆ แต่ใช้เป็นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักชีวภาพ ที่ผลิตขึ้นเองทั้งหมด
 
2. การสอนทำอาหารจากผักอินทรีย์ต่างๆ ที่มีในฟาร์ม มีหลายเมนูที่สอน อาทิ การทำน้ำสลัด ทำซุปข้าวโพด ทำน้ำมะเขือเทศ รวมไปถึงยังมีอาหารออแกนนิกส์ที่ทางฟาร์มทำเองให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


3. รับประทานอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพจากผลิตผลของไร่ปลูกรัก

4. กิจกรรมการปลูกผัก ที่ทางฟาร์มจะให้ทุกคนได้ปลูกผักในกระถางเล็กๆ ได้นำกลับไปฟูมฟักปลูกกินเองที่บ้าน


5. กิจกรรมการเก็บผัก ที่ทางฟาร์มจะให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ลงมือเก็บผักสดๆ ด้วยตัวเองจากแปลงผัก เพื่อนำติดไม้ติดมือกลับไปกินที่บ้าน

6. เวิร์คช็อปทำสินค้าออร์แกนิคต่างๆ เช่น น้ำสลัดสมุนไพร , ไข่เค็มออร์แกนิค , ไอศกรีมออร์แกนิค , ย้อมผ้าแบบออร์แกนิค , น้ำสมุนไพรออร์แกนิค เป็นต้น


นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมที่ใครเข้ามาเที่ยวที่นี่และมีเวลาแค่วันเดียวทำกิจกรรมเหล่านี้ไม่ครบถ้วนแน่ เช่น สไลเดอร์ริมนา , ปิ้งข้าวจี่ร้อนๆ , พายเรือริมนา , ลุยดำนาโยนข้าว , ปลูกผักเพ้นท์กระถาง , ย่างมาร์ชเมลโล , เล่นว่าวริมนา เป็นต้น


โดยเฉลี่ย ไร่ปลูกรักจะต้อนรับนักท่องเที่ยวแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 10,000 คนต่อปี เป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ใช้จุดแข็งของคนไทยคือ “เกษตร” มาผสมผสานเป็น “ออร์แกนิค” และมีการต่อยอดกลายเป็นสินค้าส่งออกสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่มีพื้นที่เปล่าหรืออยากสร้างธุรกิจเชิงเกษตรบ้าง “ไร่ปลูกรัก” เป็นตัวอย่างของความสำเร็จที่เราควรเรียนรู้ ซึ่งยังมีอีกหลายอย่างที่น่าศึกษาใครสนใจสามารถไปเรียนรู้วิถีเกษตรเหล่านี้ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแนวทางดีๆ ให้เรานำกลับมาพัฒนาพื้นที่ตัวเองให้เป็นฟาร์มออร์แกนิคได้ในอนาคต
 
ข้อมูลเพิ่มเติม
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
519
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
423
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
419
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด