เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นกับคำว่า Food Blogger หรือนักรีวิวอาหารกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นอาชีพที่หลายคนมองว่าแค่กินและถ่ายรูปก็ได้งาน สร้างรายได้แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า การเป็นนักรีวิวอาหารที่ดีและมีคนติดตามจำนวนมาก แต่ละคนต้องงต้องผ่านอะไรบ้าง แล้วถ้าอยากเป็นนักรีวิวอาหารต้องมีคุณสมบัติ ทัศนคติ และควรเริ่มต้นอย่างไร

 

วันนี้ www.ThaiFranchisCenter.com มีโอกาสสัมภาษณ์ “น้องมุก-กุลธิดา กันต์พิทยา” เจ้าของเพจเพนกวิ้นรีวิว GuinHungry ที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามกว่า 394,657 ไลค์ และเป็นเพจรีวิวอาหารที่มีคนพูดถึงมากในปัจจุบัน

 

น้องมุก เล่าให้ฟังว่า สำหรับจุดเริ่มต้นของการเป็นนักรีวิวอาหารของเธอนั้น เริ่มมาจากการที่ตนเองเป็นคนชอบกินและถ่ายรูปอาหารลงใน IG ซึ่งตอนที่เปิดเพจครั้งแรกใหม่ๆ ตนเองแค่อยากมีพื้นที่สำหรับเก็บรูปภาพอาหารที่ได้ไปกินเท่านั้น ไม่ได้อยากจะดังอะไรเลย ซึ่งช่วงที่เริ่มทำนั้นเรียนอยู่ปี 1 จะขึ้นปี 2 คณะบริหารฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เริ่มต้นทำใน IG ก่อนโดยใช้ชื่อ เพนกวิ้น เพราะดูน่ารัก กลมๆ หิวๆ ดีๆ หลังจากนั้นก็เริ่มทำในส่วนในเฟซบุ๊ก 

 

เธอ เล่าต่อว่า งานแรกของสายรีวิวเป็นงานที่รับใน IG เป็นการจ้างรีวิวแบบง่ายๆ ค่าจ้างแค่ 500 บาท ไม่ได้คิดอะไรมาก เป็นร้านอาหารแนวเดลิเวอรี่ และในช่วงนั้นเริ่มที่จะมี Influlancer ดังๆ มากขึ้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งอะไร แตเป็นแรงบันดาลใจมากกว่า โดยเธอจะมีการติดตาม Food Blogger ใน IG ของคนอื่นๆ เพื่อนำแนวทางการทำงานมาปรับใช้กับการทำงานของตนเอง โดยในช่วงแรกเธอใช้โทรศัพท์มือถือไอโฟนถ่ายภาพเท่านั้น แต่หลังจากนั้นใช้กล้อง Fuji  Sony และ Canon

กินไป รีวิวไป แชร์อาหารได้รสชาติ

 

สำหรับกระบวนการทำงานนั้น กว่าจะได้รีวิวอย่างแรกเธอต้องดูร้านก่อนว่ามีอะไรเด็ด โดยเธอจะพยายามเลือกเมนูแนะนำของทางร้าน ไม่ว่าจะแพงหรือถูก บางครั้งก็ออกคนละครึ่งกับเพื่อน พออาหารมาเสิร์ฟก็ทำการถ่ายภาพและวิดีโอ ใช้เวลาสั้นๆ เพราะทิ้งอาหารไว้นานรสชาติจะไม่อร่อย ยิ่งถ้าเป็นไอศกรีมจะละลายเร็วมาก ที่สำคัญเธอชอบรีวิวแบบ real-time เพราะไม่ต้องการสต็อกเอาไว้จะทำให้ลืม แต่ถ้า Real-time จะจำรสชาติอาหารได้ว่าเป็นแบบไหน ไม่ต้องอวย
 

 

ในส่วนของกรณีที่รับรีวิวให้กับลูกค้าต้องทำอย่างไร น้องมุก เล่าว่า เริ่มตั้งแต่การบรีฟงาน ตีโจทย์ และคิดคอนเซ็ปต์ในการทำงานของตนเอง  สิ่งสำคัญคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะหน้างาน หากลูกค้าไม่ได้ส่งรายละเอียดมาให้ก่อน ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เป็น อีกทั้งยังมีงานตัดต่อวิดีโอ แต่งรูปที่เธอต้องทำ

รวมไปถึงการดู Feedback ต่างๆ ดูเพจ อ่านคอมเม้น เพื่อนำเอา Feedback เหล่านั้นไปปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในครั้งต่อไป เนื่องจากเวลาเธอเห็นคนอ่านเพจไปกินแล้วเขารู้สึกว่าชอบแล้วทักมาขอบคุณเธอ ตรงนี้จะทำให้เธอมีความสุขและมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น 

 

 

สำหรับวิธีการสร้างเอกลักษณ์ให้กับเพจเพนกวิ้นรีวิว น้องมุก อธิบายว่า การทำ Content บางครั้งต้องเจอปัญหาด้านการสร้างเอกลักษณ์อยู่แล้ว โดยการนำเสนอ Content ของเธอจะเป็นแบบบ้านๆ ถ่ายรูปปกติ กระบวนการผลิตไม่ยิ่งใหญ่อะไร แต่จะชูความเป็นของจริง ไม่หลอก ออกแนวบ้านๆ สิ่งเหล่านี้คือภาพลักษณ์ที่เธออยากจะส่งไปให้คนอื่นได้เห็น

 

ที่สำคัญการรีวิวอาหารของเธอ จะมีติมีการวิจารณ์ตามจริง แต่ถ้าไม่อร่อยจริงก็จะเลี่ยงไม่เอาลง ไม่เช่นนั้นจะทำให้ร้านเสียชื่อ แต่ถ้าหากเป็นงานลูกค้าก็จะต้องบอกว่าจะรีวิวตามจริง ไม่อวย ถ้าลูกค้าตกลงแล้วต้องรับได้ ส่วนอีกกรณีคือลูกค้าให้เราโฆษณาตรงๆ ก็จะแจ้งแค่รายละเอียดที่ลูกค้าให้ แต่ไม่รีวิวเรื่องรสชาติ เนื่องจากลูกเพจสังเกตได้ว่าเป็นโฆษณา

 

 

น้องมุก เล่าต่อว่า หัวใจสำคัญของการเป็นนักรีวิว หรือ Blogger อยู่ที่การให้น้ำหนักที่ Balance กันระหว่างฝั่งของงานกับฝั่งของความเป็นตัวเอง โดยฝั่งของงานจะต้องทำตามความต้องการของลูกค้า ทำตามความต้องการของคนอ่าน แต่อย่าลืมดูในเรื่องความเป็นตัวของตัวเองด้วย งานที่รับมาต้องเข้ากับแนวทางของเพจเราเองด้วย และต้องพยายามหาจุดที่ลงตัวของทั้งสอง คือ ความเป็นตัวเอง และ การสนองความต้องการของลูกค้า ก็จะเป็นนักรีวิวที่ดีได้

 

 

เมื่อถามว่าเป็นนักรีวิวต้องกินเยอะ ดูแลสุขภาพอย่างไร น้องมุก เล่าว่า เธอออกกำลังกายตลอด แต่ก็ห่วงเรื่องน้ำหนักเหมือนกัน แต่เมื่อทำงานแบบนี้ก็ต้องดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  

 

ติดตามเพจเพนกวิ้นรีวิว ได้ที่ www.facebook.com/guinhungry

 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)