บทความทั้งหมด    บทความค้าขาย    การบริหารจัดการร้านค้า    การทำการตลาด การขาย
4.7K
1 นาที
9 มิถุนายน 2557
เปิดร้านขายของออนไลน์ ต้องทำอะไรบ้าง?

ก่อนทำร้านค้าบนเว็บ เริ่ม ที่ คุณคือใคร ขายอะไร ลูกค้าเป็นใคร คู่แข่งเป็นใคร แล้วคุณมีจุดแข็งอย่างไร และแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร ทำไมลูกค้าต้องขื้อสินค้าคุณ
 
เมื่อทำเว็บ คุณเน้นให้บริการใคร B2C, B2B, B2G ซึ่งก็มีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป มีแผนการดำเนินการอย่างไร แผนการลงทุน 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน หรือ 1 ปี แผนการตลาดเป็นอยางไร ทั้งระยะสั้น และระยะยาว มีการจัดส่งสินค้าหรือบริการอย่างไร และมีช่องทางในการชำระเงินอย่างไร...เป็นต้น...
 
ระบบที่ต้องใช้ ก็มี Server และ Software Server เริ่มต้นก็อาจเช่าไปก่อน จนระบบเสร็จดีแล้ว หากมีลูกค้าเยอะ อาจค่อยขยายไปเช่าทั้ง Server (หรือเอา server ไปวาง หรือใช้ lease line กับองค์กรคุณ) การเลือก ที่อยู่ของ server ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลูกค้าคุณอยู่ไหน ในไทย หรือในต่างประเทศ ความสะดวก ค่าเช่า ความปลอดภัย เป็นต้น...
 
ระบบ Ecommerce โดยส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย
 
Store Front หน้าร้าน ควรจะมี feature ต่างๆ ดังนี้
  1. Online Catalogue อันนี้สุด basic โดยทั่วไปขาดไม่ได้เลย เป็นส่วนที่แสดงสินค้า และรายละเอียดให้ลูกค้าดู
  2. Shopping Cart เป็นเหมือนรถเข็นหรือตระกร้าในห้าง จะหยิบสินค้าเข้าหรือออกก็ได้
  3. Payment System ส่วนนี้อาจเป็นไปได้ทั้ง mail order, ให้ลูกค้าโอนเงิน หรือการตัดบัตรเครดิตสำหรับการตัดบัตรมีสองแนวทางให้เลือก 
    • ใช้บริการของ bank ขั้นตอนจ่ายเงินก็จะกระโดดไปจ่ายที่เว็บของ bank จ่ายได้หรือไม่ได้ก็ตาม จะกระโดดกลับมายังเว็บ การทำงานลักษณะนี้ยังผู้ให้บริการที่เป็นคนกลาง เช่น paypal, 2checkout เป็นต้น ส่วนในไทย ก็มีบริการเช่นนี้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น paysbuy หรือ thaiepay
    • เชื่อมต่อกับระบบ bank เรียก merchant account จะเป็น API ให้ติดต่อกับ bank โดยตรง ดังนั้นจึงไม่ต้องกระโดดไป กระโดดมา ..
  4. Member System เป็นส่วนที่เก็บรายละเอียดลูกค้า หากลูกค้ากลับมาใหม่ จะไม่ต้องใส่รายละเอียดใหม่ หรือใช้เป็นช่องทางติดต่อลูกค้า

Back Office หลังร้าน
  1. product manager ส่วนใหญ่ก็เป็นการแก้ไขข้อมูลสินค้าต่างๆเช่น จำนวนสินค้าใน stock ราคา รายละเอียด น้ำหนัก สถานะของสินค้า เปิดให้ชื้อได้หรือไม่ได้ เป็นต้น
  2. order system สำหรับตรวจสอบใบสั่งชื้อของลูกค้า ว่าจ่ายเงินหรือยัง จ่ายทางไหน
  3. tracking เป็นการตรวจสอบว่า สินค้าที่ลูกค้าสั่งชื้อ อยู่ในขั้นตอนใด เช่น สถานะ pending รอการจ่ายเงิน หรือส่งว่าสินค้าไปแล้ว หากติดต่อกับระบบของผู้ขนส่งได้(เช่น fedex,DHL) ก็จะทราบได้ว่า ตอนนี้สินค้าอยู่สนามบิน บนเครื่องบิน อยู่บนรถ ถึงปลายทางหรือยัง ลูกค้าเซ็นต์รับของไปหรือยัง เป็นต้น ซึ่งทั้งลูกค้าทั้งคนขายก็พอใจที่ได้ข้อมูล นอกจากนี้บางบริษัท ยังมีบริการเก็บเงินปลายอีกด้วย(สะดวกเข้าไปอีก)
  4. report อันนี้ก็เป็นส่วนที่รายงานการขาย เช่น มีลูกค้าสั่งของกี่คน อยู่ระหว่างจัดส่งกี่คน แล้วสินค้าเราจะพอขายมั้ย อ้อช่วงนี้เทศกาลนะ ปีที่แล้วของขายได้เยอะ ก็น่าจะมีแนวโน้มที่จะขายได้เยอะ สั่งของมาไว้ใน stock หรือทำเป็น event marketing เพื่อสร้างยอดขาย สร้างความน่าสนใจ เป็นต้น
** ก็เป็นการยกตัวอย่างครับ ของระบบ ecommerce โดยทั่วๆไป ครับ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ ควรปรับให้เหมาะสมกับองค์กร และสะดวกต่อการชื้อขายเป็นสิ่งสำคัญ **

อ้างอิงจาก ideadek.com
 
บทความค้าขายยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ทีมไหน! หา"ทำเล"ก่อนทำธุรกิจ vs เลือก "ธุรกิจ" ก..
406
บทความค้าขายมาใหม่
บทความอื่นในหมวด