บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    โอกาสทางธุรกิจ    แฟรนไชส์ต่างประเทศ
464
3 นาที
6 มีนาคม 2568
ฟาสต์ฟู้ด A&W แบรนด์ดีที่คนว่าจะปัง แต่ยังเจ๊งในไทย
 

ถ้าพูดถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกันที่เข้ามาเปิดตลาดในไทยรุ่นแรกๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกไปถึง เคเอฟซี แมคโดนัลด์ เบอร์เกอร์คิง แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีแฟรนไชส์ฟาสต์สัญชาติอเมริกันแบรนด์แรกๆ ที่เข้ามาในไทยด้วยเช่นกัน  
 
นั่นคือ A&W เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ปี 1983 (พ.ศ.2526) ก่อนขยายสาขาไปถึง 37 สาขาในปี 2018 ก่อนจะมาปิดตัวในไทยปี 2022 จากปัญหาผลประกอบการขาดทุนสะสมยาวนานในไทย โดยในปี 2021 ขาดทุนถึง 70 ล้านบาท

เรื่องราวของ A&W มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ทำไม่ถึงไม่ประสบความสำเร็จในไทย 
 
จุดเริ่มต้น A&W 
 
ภาพจาก www.facebook.com/awrestaurants

A&W มีต้นกำเนิดในห้องทดลองของนักเคมีคนหนึ่ง เธอได้คิดค้นสูตร Root Beer จากส่วนผสมของสมุนไพร เครื่องเทศ เปลือกไม้ และเบอร์รี่ต่างๆ รวม 14 อย่าง ก่อนที่ Roy Allen จะมองเห็นโอกาสและซื้อสูตรไปทำขาย เปิดร้านแห่งแรกในปี 1919 ตอนนั้น Roy Allen ได้นำไปขายในขบวนพาเหรดเพื่อสดุดีทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้รับความสนใจอย่างมาก
 
ปี 1922 Roy Allen ตัดสินใจเปิดร้าน Root Beer แห่งแรกในแคลิฟอร์เนีย ร่วมกับ Frank Wright อดีตพนักงานร้านสาขาแรก มาเป็นหุ้นส่วนเปิดร้านสาขา 2 ที่เมือง Stockton ก่อนขยายสาขาไปทั่วเมือง Sacramento (แชคราแมนโต) โดยนำอักษรย่อนามสกุลของทั้ง 2 มาเป็นชื่อร้าน A&W Root Beer (Allen & Wright) ในปี 1925 และขายแฟรนไชส์ A&W ตั้งแต่นั้นมา
 
หลังจาก A&W Root Beer ได้รับความสนใจและขยายสาขาในแคลิฟอร์เนียมากขึ้น 

ภาพจาก www.facebook.com/awrestaurants
 
ปี 1927 J. Willard Marriott และภรรยา มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ A&W Root Beer ไปเปิดที่ Washington D.C. ถือเป็นแฟรนไชส์ซีรายแรก มีการปรับตกแต่งร้านใหม่ ให้บริการลูกค้าทั้งเมนูอาหารคาว 
 
และเปลี่ยนชื่อจาก A&W Root Beer เป็น Hot Shoppes ให้เข้ากับเมนูอาหาร เมื่อผสานระหว่าง Root Beer กับเมนูอาหารใหม่ๆ ทำให้ร้าน Hot Shoppes ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก จนต้องขยายสาขาเพิ่ม 
 
จนกระทั่งปี 1957 กลุ่มทุน Marriott ได้ผันตัวเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมเต็มตัว และกลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงแรมในตอนนี้
 
พอมาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แฟรนไชส์ A&W Root Beer มีสาขาเปิดใหม่มากมายในสหรัฐอเมริกา ปัจจัยหนึ่งมาจากกฎหมายทหารผ่านศึก ชื่อ GI Bill ให้สิทธิประโยชน์แก่ทหารผ่านศึกมาแลกเปลี่ยนนำเงินมาซื้อแฟรนไชส์ A&W Root Beer 
 
ในช่วงปี 1950-1970 คนอเมริกันร่ำรวยขึ้นมีการซื้อรถยนต์มากขึ้น ทำให้แฟรนไชส์ A&W Root Beer ปรับรูปแบบร้านเป็น Drive-In ตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าไม่ต้องลงจากรถเพื่อซื้ออาหาร จนขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว
 
เมื่อกาลเวลาผ่านไป A&W Root Beer ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น A&W Restaurant มีการจำหน่ายอาหารคาวหวาน มีเครื่องดื่ม Root Beer และ วาฟเฟิล เป็นตัวชูโรงดึงดูดลูกค้า ก่อนที่จะขยายสาขาไปทั่วโลก ไม่ว่าจะในภูมิภาคเอเชีย เช่น มาเลเซีย ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ รวมถึงไทย ถือเป็นร้านอาหารสัญชาติอเมริกันรายแรกๆ ออกไปเปิดสาขานอกสหรัฐอเมริกา 
 
A&W ในไทย
 

ภาพจาก www.facebook.com/awthai
 
แฟรนไชส์ A&W เข้ามาเปิดตลาดในไทย ภายใต้การบริหารของมาสเตอร์แฟรนไชส์ในประเทศมาเลเซีย สาขาแรกเปิดที่เซ็นทรัลลาดพร้าวในปี 1983 ตามมาด้วยสาขา 2 พันธุ์ทิพย์ประตูน้ำ และสาขา 3 สยามสแควร์ 
 
ทั้ง 3 สาขาแรกค่อนข้างขายดีมากๆ เพราะอยู่ในทำเลดี ชาวต่างชาติเข้ามาในไทยเยอะ โดยเฉพาะสาขาสยามสแควร์ จากนั้นค่อยๆ ขยายสาขาไปเรื่อย เปิดร้านไม่ใหญ่มาก เคยเปิดถึง 40 สาขาในปี 2010 หลังจากนั้นไม่ค่อยมีการทำตลาด บวกกับคู่แข่งในตลาดฟาสต์ฟู้ดเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ A&W มีจำนวนสาขาลดลงต่อเนื่อง เหลือเพียงแค่ไม่กี่สาขาในประเทศไทย 
 

ภาพจาก www.facebook.com/awthai
 
ต่อมาช่วงเดือน ก.พ. 2016 แฟรนไชส์ A&W ในไทย ได้เปลี่ยนมือมาเป็นบริษัท นิปปอน แพ็ค จำกัด (มหาชน) (NPP) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)” (NPPG) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกรายใหญ่ในไทย เป็นผู้ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ A&W แบบเอ็กซ์คลูซีฟในประเทศไทย ระยะเวลาสัญญายาวถึง 20 ปี 
 
ตอนนั้นบริษัท NPP มาสเตอร์แฟรนไชส์ในไทย มีร้าน A&W ที่ได้รับการต่อสัญญาใหม่ถึง 21 สาขา และตั้งเป้าขยายสิทธิ์แฟรนไชส์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา ในปี 2020 เปิดให้ครบ 50 สาขา และใน 5 ปีถัดไปเพิ่ม 100 สาขา 
 
ปี 2018 แฟรนไชส์ A&W ในไทยมีจำนวนสาขาทั้งหมด 37 สาขา คิดเป็นสัดส่วนสาขาในปั๊มน้ำมันถึง 70% ของจำนวนสาขาทั้งหมด ที่เหลือเป็นร้านที่อยู่ภายในศูนย์การค้าต่างๆ โดยปี 2018 มีแผนการขยายสาขาเพิ่มกว่า 30 สาขา
 
ภาพจาก www.facebook.com/awthai
 
ปี 2018 ร้าน A&W ในไทยมี 37 สาขา แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
  1. รูปแบบ Full Restaurant มี 31 สาขา ส่วนใหญ่เปิดให้บริการตามปั๊มน้ำมัน ปตท.
  2. รูปแบบเร่งด่วน A&W Express มี 6 สาขา แบ่งเป็น 3 สาขาใน Metro Mall พื้นที่ค้าปลีกรถไฟใต้ดิน สถานีเพชรบุรี, สุขุมวิท, พระราม 9 และอีก 3 สาขาที่แฟชั่น ไอส์แลนด์, ศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 อโศก และ เดอะสตรีท รัชดา 
มีเมนูชูโรงอย่าง “ไก่ทอด – รูทเบียร์ – วาฟเฟิล – เคอร์รี่ฟรายส์” เป็นเมนูเอกลักษณ์เฉพาะร้าน A&W
 
ภาพจาก www.facebook.com/awthai
 
ปี 2019 บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPPG ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) 
 
ในช่วงเวลานั้น สถานการณ์ตลาดร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในไทยมีการแข่งขันกันดุเดือด แบรนด์ไหนไม่ปรับตัว และระบบการตลาดไม่แข็งแกร่ง ก็อยู่รอดยาก หลายๆ แบรนด์ทั้งของคนไทยและต่างชาติต้องปิดตัวเป็นจำนวนมาก 
 
ไม่เว้นแม้แต่ A&W ในปี 2020 ร้าน A&W เหลือสาขาในไทยทั้งหมด 24 สาขา ในกรุงเทพฯ ราวๆ 22 สาขา ส่วนสาขาที่เหลือกระจายตัวในต่างจังหวัด ก่อนจะปรับมาให้บริการแบบ Food Truck แทน หลังจากนั้นสาขาต่างๆ ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
 
กระทั่งปี 2022 แฟรนไชส์ A&W แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกัน ภายใต้บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์วันที่ 1 มีนาคม 2022 ถึงผลประกอบการปี 2021 มีรายได้ 1,862.27 ล้านบาท ขาดทุน 166.63 ล้านบาท 

หนึ่งในธุรกิจที่ขาดทุนหนัก คือ ร้านอาหาร A&W ขาดทุนต่อเนื่องยาวนานจากโควิด ปี 2021 ขาดทุนถึง 70 ล้านบาท
 

ภาพจาก www.facebook.com/awthai
 
สำหรับงบกำไร-ขาดทุน บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ย้อนหลังปีงบการเงิน 2018 – 2020 มีดังนี้ 
  • ปี 2018 รายได้รวม 439 ล้านบาท ขาดทุน 314 ล้านบาท
  • ปี 2019 รายได้รวม 472 ล้านบาท กำไร 15.6 ล้านบาท
  • ปี 2020 รายได้รวม 484 ล้านบาท ขาดทุน 13 ล้านบาท 
ปัจจัยทำให้ A&W ไม่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย
  1. ไม่ค่อยมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ A&W ผ่านโซเชียลมีเดียมากนัก เมื่อเทียบกับแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ ใน เช่น เคเอฟซี, แมคโดนัลด์, เบอร์เกอร์คิง ที่มีการตลาดที่แข็งแกร่ง ออกโปรโมชันและเมนูใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้กลับไปลิ้มลองตลอดเวลา
  2. สาขาน้อย เข้าถึงยาก สังเกตให้ดี A&W มักเปิดขายในพื้นที่ปริมณฑล และชานเมืองมากกว่าใจกลางเมือง รวมถึงในช่วงเกิดโควิด ทางแบรนด์ไม่ได้มีบริการเดลิเวอรีมากนัก ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้ายาก สาขาขาดรายได้ จนทยอยปิดสาขามาตลอด
  3. .รสชาติอาหารของ A&W มักมีลูกค้าบ่นว่า “อร่อย” กับ “ไม่ถูกปาก” อย่างรูทเบียร์เครื่องดื่มชูโรงของร้าน ก็ไม่ใช่เครื่องดื่มที่ทุกคนจะชอบ รวมถึงเมนูอื่นๆ เช่น เบอร์เกอร์, ไก่ทอด, ชีสสติก เป็นเมนูที่ไม่เด่น ไม่ดึงดูดใจลูกค้า เมื่อเทียบฟาสต์ฟู้ดเจ้าอื่นๆ
Time Line แฟรนไชส์ A&W Restaurants ในอเมริกา 
 
ภาพจาก www.facebook.com/awrestaurants

จากการจัดอันดับแฟรนไชส์ 500 ของนิตยสาร Entrepreneur ในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2025 (2025 Franchise 500 Rank) พบว่า A&W Restaurants ติดอันดับที่ 193 ส่วนอันดับ 1 เป็นของแฟรนไชส์ “ทาโก้ เบลล์” 
  • ก่อตั้งปี 1919 
  • ขายแฟรนไชส์ปี 1925 (100 ปี)
  • ปัจจุบันมี 865 สาขาทั่วโลก (2024) 
  • บริษัทบริหารเอง 2 สาขา
  • แฟรนไชส์ในอเมริกา 449 สาขา 
  • แฟรนไชส์นอกอเมริกา 414 สาขา
นั่นคือ...เรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจของแบรนด์แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกัน A&W Restaurant ที่ได้ยุติกิจการในประเทศไทย หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 70 ล้านบาทในปี 2021 จากการแข่งขันที่สูงและการระบาดโควิด-19 
 
อ้างอิง

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ Yolé ไอศกรีมโยเกิร์ต บิวกิ้นยิ้มร่า พาโ..
587
รวม 12 แฟรนไชส์ร้านชานมไข่มุก! ระบบพร้อมเปิดร้าน..
556
รวม 7 แฟรนไชส์ลงทุนน้อย “แต่ขายดี” มือใหม่ก็เปิด..
541
3 แฟรนไชส์จีน Mixue - Wedrink - Bingchun ลงทุนตอ..
459
3 แฟรนไชส์มาใหม่! น่าลงทุนประจำเดือนกรกฏาคม 2568
451
NaiSnow ชาผลไม้จีน 1,700 สาขา ขายแฟรนไชส์ เต็มสูบ!
430
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด