บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
491
2 นาที
6 มิถุนายน 2568
“Store Assortment” กลยุทธ์ร้านค้าปลีก ที่เจ้าของสินค้าต้องรู้!
 

ความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน สินค้าที่ขายดีในย่านนี้ อาจไม่เป็นที่ต้องการในย่านอื่น  นี่คือหลักการเบื้องต้นที่คนทำธุรกิจต้องเข้าใจ เรียกว่าเป็นการจัดสรรสินค้าให้เหมาะสมกับพื้นที่หรือที่เรียกว่า “Store Assortment”
 
ถ้ายังนึกภาพไม่ออกจินตนาการถึง 7-Eleven ที่ทุกคนน่าจะเคยสงสัยว่าทำไมบางสาขามีสินค้าชนิดนี้ แต่พอไปอีกสาขากลับหาสินค้าแบบเดียวกันนั้นไม่ได้
 
ยิ่งในปัจจุบันการแข่งขันมีสูง ถ้าร้านค้าปลีกไม่โฟกัสให้ถูกจุด ก็จะเป็นการลงทุนที่ได้กำไรยาก ในทางตรงข้ามถ้ารู้ว่าสินค้าไหนคือสิ่งที่กลุ่มลูกค้ามีความต้องการ จะทำให้ร้านค้าสามารถทุ่มการตลาดได้อย่างถูกจุด ซึ่ง Store Assortment ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการดึงฐานข้อมูลลูกค้าจากระบบ CRM รวมถึงดาต้าที่เกิดจากจากการซื้อสินค้าพร้อมกับคิดคำนวณเอาสินค้าที่ขายดีที่สุด 20% มาจัดวางในตำแหน่งสำคัญ และขยายพื้นที่เชลฟ์ สินค้าขายดีจะมีพื้นที่ขายประมาณ 2-3 แถว และจะมีการชั้นวางสินค้าไว้ในจุดที่ปะทะสายตาผู้บริโภค คือชั้นบน และกลาง
 
 
หากสังเกตให้ดีร้านสะดวกซื้อหรือซุเปอร์มาเก็ตต่างๆ นิยมใช้ Store Assortment มาก เวลาเดินเข้าร้านค้าปลีกเหล่านี้เราจะหาสินค้าที่เราต้องการได้ทันที เพราะมีการจัดวางเป็นหมวดหมู่ให้เห็นชัดเจน ซึ่งก็มีหลักการวางสินค้าเบื้องต้นคือ
  • Item A สินค้าขายดี มีประมาณ 20% ของรายการสินค้าทั้งหมด
  • Item B สินค้าขายได้ปานกลาง มีประมาณ 30% ของรายการสินค้าทั้งหมด
  • Item C สินค้าขายไม่ดี มีประมาณ 50% ของรายการสินค้าทั้งหมด 
หลังจากแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มแล้วพนักงานก็จะนำสินค้าแต่ละกลุ่ม ไปเรียงบนชั้นวางสินค้า จากบนลงล่าง
  • สินค้า Item A ที่เป็นสินค้าขายดี จะวางบนชั้นวางสินค้าทั้งหมด 3 แถว
  • สินค้า Item B ที่ขายได้ปานกลาง จะวางบนชั้นวางสินค้าทั้งหมด 2 แถว
  • สินค้า Item C สินค้าที่ขายไม่ดี จะวางบนชั้นวางสินค้าประมาณ 1 แถว
จากนั้นจะมีการวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี เพื่อหาเทรนด์สินค้าใหม่ หรือ New Product เข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม เมื่อเป็นแบบนี้ สินค้า Item C ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายไม่ดี สุดท้ายก็จะถูกเอาออกไปจากชั้นวาง และ จะนำสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาวางขายแทนเมื่อมีระบบสินค้าหมุนเวียนแบบนี้ ก็จะทำให้ร้านค้าปลีกมีสินค้าใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
 
ทั้งนี้ Store Assortment มีประโยชน์ต่อร้านค้าปลีกในหลายด้านได้แก่
 

1.ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
 
การเลือกสินค้าที่ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้

2.เพิ่มยอดขายและกำไร
 

สินค้าที่ได้รับการเลือกอย่างเหมาะสมสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าหลายรายการและเพิ่มมูลค่าการขายต่อรอบได้มากขึ้น

3.บริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
 

ลดการสต็อกเกินหรือขาดแคลนสินค้า ทำให้ต้นทุนการเก็บรักษาลดลงได้อย่างชัดเจน
 
4.สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
 

การเสนอสินค้าหลากหลายและมีความเฉพาะตัว ช่วยให้ร้านค้าดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้นและกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ดีที่ลูกค้าจะจดจำได้ด้วย
 
5.ช่วยในการพัฒนาพื้นที่ขายภายในร้าน 
 

เรียกว่าเป็นวิธีการจัดผังร้านแบบ “Grid” ที่ผนวกใช้ร่วมกับ Store Assortment ยกตัวอย่าง 7-Eleven ทุกสาขา จะวางตู้น้ำดื่มซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ไว้บริเวณข้างในสุด ก่อนที่ลูกค้าจะเดินเข้าไปถึงด้านในก็ต้องผ่านสินค้าอื่นๆที่จัดเรียงไว้เป็นหมวดหมู่ เพิ่มศักยภาพในการขายของร้านได้มากขึ้น
 
เรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ขาย รวมถึงการคัดเลือกสินค้าที่นำมาวางขายในสาขานั้น เป็นเรื่องที่ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องให้ความสนใจเพราะถือเป็นหัวใจของการขายในยุคนี้ ที่ต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การมีData ที่แม่นยำมีข้อมูลและรู้ความต้องการลูกค้าจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มยอดขายได้มาก

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
500
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด