ทิศทางของเศรษฐกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างสดใสคงต้องยกให้ธุรกิจค้าปลีกที่ปริมาณความต้องการสินค้ามีมากขึ้นตามจำนวนประชากรที่มากตามไป ยิ่งการเปิดประเทศเป็น AEC มีการหลั่งไหลของคนในอาเซียนที่พร้อมเดินทางระหว่างประเทศได้อย่างเสรียิ่งเป็นการตอกย้ำให้ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มที่สดใสยิ่งขึ้น

 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาทุกท่านไปดูแนวทางการค้าปลีกของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่ทุกวันนี้เศรษฐกิจที่นี่ไม่เหมือนอดีตอีกต่อไปนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากกำลังเข้ามาขยายตลาดค้าปลีกกันเต็มที่แต่ทั้งนี้รัฐบาลของลาวเองก็ต้องออกกฏหมายมาเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจ เช่นกัน

 

รัฐบาลของประเทศลาวโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ได้กำหนดกฎระเบียบสำหรับการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาเปิดธุรกิจศูนย์การค้า และเครือข่ายร้านค้าปลีกต่างๆ

โดยเฉพาะพวกร้านสะดวกซื้อ นักธุรกิจที่ต้องการจำเป็นต้องมีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านกีบ(ประมาณ 34.9 ล้านบาท) แน่นอนว่านี่คือการเอื้อประโยชน์ให้คนของประเทศลาวเองมีโอกาสมากขึ้นในการทำห้างสรรพสินค้าหรือว่าร้านค้าปลีกขนาดเล็กได้ง่ายขึ้น

 

แต่อย่างไรก็ดีหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์ส รายงานว่าระเบียบดังกล่าวระบุให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100 % ในกิจการศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าที่มีการลงทุนอย่างน้อย 160,000 ล้านกีบ (ประมาณ 698 ล้านบาท) และสามารถถือหุ้นได้ 70 % ถ้าลงทุนน้อยกว่า 160,000 ล้านกีบ แต่ไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านกีบ (ประมาณ 349 ล้านบาท)

นอกจากนี้กฏหมายนี้ยังคลอบคลุมถึงขนาดของพื้นที่ที่ใช้ในการสร้างศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถยนต์อย่างเพียงพอ โดย ผู้พัฒนาศูนย์การค้าจะต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 50,001 ตารางเมตรสำหรับศูนย์การค้า 1 แห่งและไฮเปอร์ซุปเปอร์มาเก็ตต้องมีพื้นที่อย่างต่ำ 20,001-50,000 ตารางเมตร รวมถึงนักธุรกิจทุกคนต้องเริ่มงานก่อสร้างภายใน 2 ปีหลังจากที่ได้รับอนุมัติโครงการจากรัฐบาลอีกด้วย

 

 ถึงแม้กฏหมายใหม่ที่ออกมานี้จะดูรัดกุมและเข้มงวดอยู่มากแต่ผู้นักธุรกิจทั้งหลายก็ยังมองเห็นโอกาสทางการตลาดที่เปิดกว้างมากจึงนำมาสู่การลงทุนธุรกิจค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าซึ่งก็มีทั้งหมด 3 แบรนด์ชั้นนำด้วยกันคือ

M-Point Mart เป็นร้านสะดวกซื้อภายใต้การดูแลของ บีเจซี-เอ็มพีเอ็ม (ลาว) โซล คัมปะนี ลิมิเต็ด< กลับไป บริษัทย่อยของบีเจซี BJC-MPM (Laos) Sole Company Limited

ปัจจุบันมีทั้งหมด 32 สาขาทั่วประเทศลาวโดยในนครเวียงจันทร์ มีสาขามากที่สุดคือ 18 แห่ง ซึ่งนับเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีเครือข่ายครอบคลุมมากที่สุดในประเทศลาว และคาดว่าจะสามารถเติบโตได้อีกมากสินค้าที่มีในร้านก็แทบจะไม่แตกต่างจากการเป็น 7-11 ของประเทศไทย ปัจจุบันมีพนักงานคาดว่าไม่ต่ำกว่า 800 คนเลยทีเดียว

 

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เริ่มก่อสร้างกันมาตั้งแต่ปี 2544  และเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา โดย Vientiane Center นี้ตั้งอยู่บนถนนคูเวียง (khouvieng Road)ใจกลางกรุงเวียงจันทร์ มีทั้งหมด 4 ชั้น มีที่จอดรถชั้นใต้ดิน โรงหนังและร้านอาหารอยู่ชั้นบนสุดเป็นโครงการที่ได้กลุ่มลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของทุนจีนกับสิงคโปร์ มาลงทุนเพื่อยกระดับ ตามนโยบาย New Vientiane ของรัฐบาลลาวโดยห้างดังกล่าวถือว่าเป็นห้างไฮเอ็นด์แห่งแรกของลาว
 

โดยมุ่งหวังจะดึงตลาดกลุ่มที่มีฐานะให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของและไม่ต้องบินมาซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่ไทยหรือเวียดนาม พร้อมสิ่ง อำนวยความสะดวกและโรงภาพยนต์ระดับมาตรฐานก็มารวมอยู่ที่นี่ด้วย

 

ใช่ว่าจะมีเฉพาะอเมริกาหรือว่าประเทศไทยเท่านั้นกับคำว่า World trade center นี่คือสุดยอดโครงการของประเทศลาวที่ใช้พื้นที่กว่า 11 ไร่ พื้นที่ใช้สอยโดยรวมกว่า 400,000 ตารางเมตร ก่อสร้าง โดยบริษัทลาว อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเวลอปเมนท์ โครงสร้างอาคารประกอบไปด้วยGold Office Building ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และศูนย์กลางทางการตลาดของประเทศ โดยสร้างเป็นตึกสูง 150 เมตร ซึ่งจะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในเวียงจันทน์ด้วย

นอกจากนี้ยังจะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และ แฟชั่นสตรีท ที่รวบรวมแบรนด์ดัง แฟชั่นชั้นนำของโลกรวมถึงฟิตเนส ร้านค้า ภัตตาคารสไตล์ตะวันตก หรือแม้แต่สระว่ายน้ำบนดาดฟ้าที่เปิดบริการกันตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

 

ถือเป็นพัฒนาการที่เติบโตแบบก้าวกระโดดสุดแรงของประเทศลาวและคาดว่าจากธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของลาวนี้จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตได้อีกมาก ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกประเทศไทยเองก็ใช้พื้นที่เหล่านี้ขยายฐานลูกค้าเช่น บิ๊กซีซุปเปอร์สโตร์ที่ไปเปิดจำหน่ายสินค้าภายใน Vientiane Center เป็นต้น