ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าการตลาดทุกวันนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งแต่โลกของเราเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกพัฒนาให้เอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทุกวันนี้พูดได้ว่าต้นทุนบางประการของการตลาดลดน้อยลงมากเพียงแต่สิ่งที่ใหญ่ขึ้นมาคือไอเดียในการสร้างสรรค์ที่ชี้วัดว่าใครทำได้ดีกว่าก็คือผู้ชนะ

 

เครื่องมือทางการตลาดในโลกดิจิตอลหลายอย่างบางทีก็เป็นเหมือนกระแสที่มาแรงแค่ชั่วขณะหากแต่ถ้าเราจับต้องเทคนิคเหล่านั้นได้ถูกที่ถูกทางก็มีโอกาสพลิกกระแสตลาดให้การทำธุรกิจของเราเข้าใกล้คำว่าความสำเร็จเร็วขึ้นและหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดน่าสนใจที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าสำคัญนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Sharing Economy 

 

คำว่า “Sharing Economy” ถ้าแปลให้เข้าใจง่ายก็เรียกว่า ธุรกิจแบ่งปัน แม้จะฟังดูเหมือนเป็นการกุศลและใครที่คิดว่าไม่สำคัญไม่มีพลังการตลาดคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เพราะ Sharing Economy นี้น่าสนใจอย่างยิ่งทีเดียว

การใช้เทคนิคนี้จะเรียกอีกอย่างว่าการบริโภคชนิดร่วมมือกันเป็นการขยายฐานธุรกิจแบบเพื่อนสู่เพื่อน โดยปัจจุบันเมื่อมีแพลตฟอร์มมากมายในโลกดิจิตอลมาเกี่ยวข้องก็ยิ่งทำให้เทคนิคใช้ได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้วมือเท่านั้น

 

โดยเฉพาะเมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนเราไปเป็นที่เรียบร้อยการตลาดแบบแบ่งปันนี้จึงเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลาซึ่งอานุภาพของการตลาดแนวนี้มีผลต่อการตัดสินใจของคนเป็นอย่างมากบริการ โดยผู้รับบริการจะอาศัยข้อมูลบนเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นพื้นฐานที่ช่วยในการตัดสินใจ

ตั้งแต่รถยนต์ ห้องพัก ไปจนถึงเสื้อผ้า ของมือสอง และกระเป๋าแบรนด์เนม ฯลฯ ในระดับกว้างขวาง ซึ่งทั้งหมดเป็นไปได้เพราะเทคโนโลยีในโลกสมัยใหม่เป็นตัวช่วยอย่างดี

 

ซึ่งบริษัท PwC Consulting ได้เปิดเผยถึงผลสำรวจ The Sharing Economy ว่ากำลังมีอิทธิพลในตลาดยุคนี้เป็นอย่างมากและคาดการณ์ว่าไม่เกินปี 2568 เทคนิคนี้จะยิ่งแพร่กระจายไปยังธุรกิจอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ ธุรกิจการเงิน  วงการเพลง เป็นต้น 

1.เริ่มจาก Airbnb ธุรกิจของกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีแนวคิดให้คนซึ่งมีห้องว่างหรือแม้แต่ห้องที่ตัวเองอยู่ สามารถส่งความต้องการให้คนที่สนใจเข้ามาพักร่วมกันได้ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตในหลายประเทศเพราะนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายแพงๆในโรงแรมก็นิยมใช้บริการของ Airbnb นี้และแน่นอนว่าการตลาดที่ Airbnb ใช้อย่างได้ผลคือ การแชร์

ประสบการณ์ของผู้เข้าพักทำให้เกิดการแพร่กระจายและบอกต่อกันในวงกว้างสร้างการรับรู้ได้ดีกว่าการโฆษณาทั่วไปทำให้ปัจจุบัน Airbnb มียอดผู้ใช้บริการเฉลี่ย425,000 รายต่อคืน และมีเครือข่ายการให้บริการใน 190 ประเทศทั่วโลก
 

2.ธุรกิจในวงการเพลงเช่น Spotify ผู้ให้บริการเพลงแบบสตรีมมิ่งก็มีการใช้เทคนิคนี้แชร์เพลงที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมของวัยรุ่นให้แชร์วนไปจนกลายเป็นเพลงฮิตติดหู และไม่ใช่แค่อยากฟังแต่หลายคนอยากเก็บเอาไว้เป็นคอลเลคชั่นทำให้เกิดกระแสนิยมที่สูงกว่า 40 ล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว

 

3.ธุรกิจบริการอย่าง Uber ก็ไม่น้อยหน้านำเทคนี้มาใช้ได้อย่างชาญฉลาดกับการแชร์ภาพและผลงานดีๆที่ผู้ใช้งานได้ใช้บริการเรียกรถแทกซี่ของ Uber แล้วพึงพอใจ เกิดกระแสแชร์วนไปจนกลายเป็นทางเลือกให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักก็ได้มีโอกาสรู้จักและมีการันตีจากคนที่เคยใช้บริการว่าปลอดภัยและใช้งานได้จริง

ทำให้ธุรกิจของ Uber สามารถขยายกิจการไปได้กว่า250 ประเทศทั่วโลกได้ในเวลาเพียง 5 ปี และมีมูลค่าบริษัทกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามาร์เก็ตแคปของสายการบินอเมริกันบางรายด้วยซ้ำไป
 

4.แม้แต่ภาครัฐเองก็ยังตื่นตัวในเรื่องนี้โดยองค์กรมหาชนอย่าง SIPA ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอร์ฟแวร์แห่งชาติ ยังแนะนำให้เหล่า Startup ทั้งหลายได้ใช้กลยุทธ์ Sharing Economy นี้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการทำธุรกิจเพื่อยกระดับความสามารถทางการตลาดนั้นหมายถึงถ้าธุรกิจดีเศรษฐกิจของประเทศก็จะดีตามไปด้วย

 

และเทคนิคการ Sharing Economy นี้แม้จะดูเหมือนเป็นของเล่นที่ไม่น่าสนใจนักแต่ในทางธุรกิจกลับมีความหมายมากกว่าที่คิดแต่อย่างไรก็ตามการใช้กลยุทธ์ใดๆก็ตามต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ยังควรหาเทคนิคใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่องเพราะขึ้นชื่อว่าโลกดิจิตอลแล้วย่อมมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญตลอดเวลา ดังนั้นต้องรู้จักการเลือกใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาการทำธุรกิจในโลกดิจิตอลจึงจะได้ผลอย่างเต็มรูปแบบ