โลกยุคใหม่มีอะไรน่าสนใจอีกมาก สิ่งที่เราเห็นจากปีที่ผ่านมาพอก้าวข้ามเป็นปีใหม่อาจจะมีสิ่งใหม่ๆที่เหนือกว่าจินตนาการของเรา

โดยเฉพาะกับตลาดของ Smart Watch ที่ถือเป็นอุปกรณ์สุดไฮเทคอีกแบบหนึ่งที่ปัจจุบันคนทั่วไปก็เริ่มให้ความสนใจกันมาก

แต่ติดที่ว่าราคายังค่อนข้างสูงแต่ก็ดูเหมือนว่าเทรนด์ของ Smart Watch จะไม่ได้แคร์เรื่องราคากลับมุ่งหน้าพัฒนาสินค้าให้มีความไฮเทคมากขึ้นเพียงเท่านี้ผู้ที่ต้องการไม่ว่าจะจ่ายแพงเพิ่มอีกแค่ไหนก็พร้อมทั้งนั้น

 

สิ่งที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองไว้คือ Smartwatch นั้นจะเติบโตไปได้ดีแค่ไหน การพัฒนาศักยภาพของตัวเครื่องมีผลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง การเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงจำนวนแอพที่สามารถบรรจุอยู่ภายใน

ทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อการจูงใจในการซื้อหาของผู้บริโภคทั้งสิ้นและจากรายงานของ IDC (International Data Corporation ) ที่คาดว่าอุปกรณ์อย่าง Smartwatch จะมีการขยายตัวได้สูงขึ้นในปี 2017 โดย Apple มียอดขาย Smartwatch อยู่ในอันดับหนึ่งที่ 1.6 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา รองลงมาคือ Samsung และ Lenovo ตามลำดับ

 

โดยเป็นการเริ่มต้นไปแล้วกับ Watch OS ของ Apple รวมถึง Android Wear ที่มีการพัฒนาแล้วเช่นกัน ซึ่งต่อไปน่าจะเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมอีก และเชื่อว่าจะมี 2 OS นี้เป็นหลัก จากปัจจุบัน ที่บางอุปกรณ์ ใส่ Android ปกติเข้าไป หรือบางอุปกรณ์ก็พัฒนาของตัวเองขึ้นมา ซึ่งจากการคำนวณแล้วว่าคงไม่มีความเสถียรได้ดีเท่ากับการสร้างระบบปฏิบัติการให้กับตัวเองที่จะเข้าใจและทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ในปัจจุบันมี Smatch Watch ประมาณ 5% ในตลาดที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้เอง โดยไม่ต้องผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งต่อแบบWi-Fi และแบบโครงข่ายมือถือ

ซึ่งอาจจะต้องมีการใส่ซิมการ์ดในเบื้องต้นแต่คาดว่าปี 2017 อุปกรณ์ลักษณะนี้จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ซึ่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เองไม่ผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้ Smart Watch ทำงานได้มากขึ้นอีกมหาศาลเลยทีเดียวและน่าจะเป็นจุดสนใจที่ทำให้คนทั่วไปสนใจอยากได้สินค้านี้กันมากขึ้นด้วย

 

เมื่อมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เองก็เชื่อว่าการพัฒนาเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้สอดคล้องกันโดยเฉพาะการเข้ารหัสข้อมูลต่างๆ ที่ดีและมีมากขึ้น

ยิ่งถ้า Smart Watch คือส่วนที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน และอาจมีข้อมูลด้านสุขภาพด้วย ก็ควรปลอดภัยไว้ก่อนเพราะเหล่าพวกโจกรรมข้อมูลเองก็คงจดจ้องกับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่น่าจะมีการป้องกันที่ไม่รัดกุม เรื่องนี้ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพสินค้า

 

Convergence หรือความสามารถในการส่งข้อมูลออกไปหลากหลายช่องทางได้พร้อมๆกัน และเมื่อ Smart Watch จะมีการพัฒนาให้เป็นอุปกรณ์ที่ฉลาดมากขึ้น มีข้อมูลต่างๆ มากขึ้น ก็ควรทำงานด้านการส่งต่อข้อมูลไปสู่ระบบต่างๆได้ดีขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้จำเป็นที่ต้องมีเทคโนโลยีด้าน Mobility, Sensors และ Social ที่ดีขึ้น รวมถึงหน้าจอที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ได้เป็นหน้าจอเรียบๆ แบนๆ อีกต่อไป

 

สำหรับข้อมูลทางการตลาดพบว่า Wearable Device นี้ แบบพื้นฐานคือ Fitness Band คาดการณ์มูลค่าตลาดประมาณ 930 ล้านบาท มียอดขาย 200,000 เครื่องในปีนี้ เช่น Fitbit, Huawei, Garmin และ Jawbone ขณะที่ Smart Watch มูลค่าตลาดประมาณ 630 ล้านบาท มียอดขาย 45,000 เครื่อง เช่น Apple Watch, Samsung Gear Fit และ Motorola เป็นต้น

ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขเห็นได้ว่า Fitness Band มียอดขายสูงกว่า เพราะราคาไม่สูง แต่จำกัดผู้ใส่เป็นกลุ่มนักกีฬาและคนรักสุขภาพ ขณะที่ Smart Watch ราคาสูงกว่า ทำให้ยอดขายยังไม่มากนัก แต่เชื่อว่าอนาคตทั้ง 2 ประเภทจะผนวกรวมกันเป็นกลุ่ม Smart Wearable ก็เป็นได้

 

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อีกส่วนที่น่าสนใจคือแว่นตา หรือ Smart Eyewear ที่ Google เคยพัฒนารุ่นแรกออกมา และหยุดไป เพราะยังมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น เชื่อว่า ปี 2017 แว่นตา จะเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง โดยเฉพาะจากแบรนด์ผู้ผลิตในประเทศจีนที่กำลังให้ความสนใจในการพัฒนาสินค้าอย่าง Smart Watch เป็นอย่างมาก