บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.2K
3 นาที
21 มิถุนายน 2560
เปรียบเทียบการลงทุน ธุรกิจส่วนตัว Vs เล่นหุ้น

 
ในยุคนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่าทำงานแล้วไม่ต้องการเงิน แม้เงินจะไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้แต่อย่างน้อยการมีเงินก็ทำให้เราอุ่นใจได้มากกว่าการไม่มีเงิน ทั้งนี้หลายคนจึงมีแนวคิดแบบเล่นแร่แปรธาตุว่าจะเอาเงินที่มีอยู่นี้ไปทำอะไรดีเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าการเก็บเอาไว้เฉยๆ  ทางเลือกนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะหากตัดสินใจผิดพลาดแทนที่จะมีเงินมากขึ้นก็สวนทางกลายเป็นคนไม่มีเงินไปในทันที

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มี 2 ทางเลือกในการเอาเงินต่อเงินมาฝากให้พิจารณานั้นคือการใช้เงินลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวกับการใช้เงินลงทุนเล่นหุ้น ทั้ง 2 ทางนี้มีโอกาสเติบโตและได้กำไรแต่ลองมาดูข้อมูลก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด
 
ประโยชน์ของการลงทุนเล่นหุ้น

 
ภาพจาก goo.gl/RwD2xt

ทุกวันนี้เราพูดถึงการใช้เงินต่อเงินที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นวิธีการหาเงินที่ชาญฉลาดมากที่สุดแต่การจะลงทุนในกองทุนหรือเลือกเล่นหุ้นนั้นมีเงินอย่างเดียวไม่ได้ต้องรู้จักองค์ประกอบของการลงทุนรูปแบบนี้ให้เข้าใจโดยละเอียดรูปแบบการลงทุนที่ใกล้เคียงกันแต่ไม่ใช่หุ้นก็เช่น กองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น ยิ่งถ้าเราตามข่าวจะเห็นว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่นิยมรวยทางลัดโดยหันมาศึกษาการเล่นหุ้นกันมากขึ้น ลองมาดูข้อดี 3 ประการของการเล่นหุ้นว่ามีอะไรบ้าง

1.ให้ผลตอบแทนที่ดี
 
ในยุคที่เศรษฐกิจกำลังตกสะเก็ดแนวโน้มว่าจะดีนั้นมีสัญญาณตอนไหนก็ยังไม่ทราบการฝากเงินไว้ในธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีซักเท่าไหร่สำหรับผลตอบแทน แต่การลงทุนในหุ้นอย่างถูกวิธีสามารถสร้างผลตอบแทนดีกว่าทั้งจาก Capital gain และจากเงินปันผลในระยะยาว
 
2. ดูแลจัดการง่าย
 
ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการถือหุ้นไม่ว่าจะถือไว้นานซักแค่ไหนก็ตาม จะถือไว้ตลอดชีวิตเลยก็ได้ อยากขายทิ้งเมื่อไหร่ก็สามารถขายได้ทันที ไม่มีสัญญาผูกมัดใด ๆ ทั้งสิ้น สามารถลงทุนซื้อขายได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร่วมทีมเหมือนการทำธุรกิจ

3.มีความโปร่งใส

 
ภาพจาก goo.gl/RwD2xt

เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เช่นรายงานประจำปีของบริษัทเพื่อวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจลงทุนได้ ไม่มีใครบังคับให้เรารีบลงทุน สามารถใช้เวลานานเท่าไหร่ในการศึกษาก่อนลงทุนก็ได้ ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่างเท่าเทียมกัน
 
อย่างไรก็ตามใช่ว่าการเล่นหุ้นจะไม่มีข้อเสีย เรื่องราคาที่ผันผวนเป็นอุปสรรคใหญ่ในการเล่นหุ้นที่ทำให้บางคนถึงกับต้องล้มละลายกันเลยก็มี เนื่องจากราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาดตลอดเวลา เป็นปัจจัยที่ใครก็ไม่อาจควบคุมได้จึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เช่นกันหากเราวิเคราะห์ผิดพลาดหรือมีแผนจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดีมากพอ
 
และเมื่อเราได้เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียของการเล่นหุ้นไปแล้ว ลองมาเปรียบเทียบกับการลงทุนในธุรกิจส่วนตัวบ้างโดยเราจะยก 5 ข้อดีของการทำธุรกิจส่วนตัวมาร่วมเปรียบเทียบเพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

5 ข้อดี ของการลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว

1.มีเวลาทำงานที่เป็นอิสระ

 
หากธุรกิจของเราประสบความสำเร็จแล้วสามารถเลือกที่มาทำงานตอนไหนก็ได้ หากมีธุระก็สามารถเลิกงานก่อนเวลาได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องลากิจ ลากลับก่อนเหมือนเป็นพนักงานประจำแต่อย่างไรก็ดีการมีกิจการของตัวเองก็ต้องมีวินัยในการทำงานที่มากขึ้นเช่นกันมิเช่นนั้นธุรกิจที่เราลงทุนไว้ก็มีโอกาสเสี่ยงจะขาดทุนได้เช่นกัน
 
 
2.รายได้ที่เกิดขึ้นเป็นของเราเองเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
 
ขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจของเราดังนั้นรายได้ทุกอย่างก็ควรเป็นของเราเช่นกัน แต่ทั้งนี้คำว่ารายได้ก็ยังไม่ได้หมายความถึงกำไรที่ต้องมาหักค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ออกไปให้เรียบร้อย ดังนั้นถ้ามีกำไรเหลือเท่าไหร่นั้นก็คือเงินที่เราควรจะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยถ้าการลงทุนนั้นไม่ได้มีหุ้นส่วนมาเกี่ยวข้อง ส่วนจะได้มากได้น้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจที่ทำวิธีบริหารจัดการ และการสร้างตลาดที่เราวางแผนเอาไว้

3.มีโอกาสก้าวหน้าและต่อยอดให้มั่นคงแข็งแรงได้
 
หลายธุรกิจเริ่มต้นมาจากเงินทุนน้อยๆ ทำจากเล็กแล้วค่อยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นเป็นเพราะช่องทางการตลาดที่ดี มีการบริหารที่เป็นมืออาชีพ การทำธุรกิจว่ากันว่าโอกาสสำเร็จกับขาดทุนนั้นมีพอๆกัน สิ่งสำคัญคือการเลือกวิธีการทำธุรกิจและการมองตลาดที่ต้องใช้ประสบการณ์และความสามารถพอสมควรทีเดียว
 
4.เป็นหลักประกันความมั่นคงในอนาคตได้

 
หลายคนที่สนใจลงทุนทำธุรกิจตัวเองส่วนหนึ่งเพราะต้องการหลักประกันในอนาคตว่าหากไม่มีงานประจำหรือว่าตกงานจะได้มีแหล่งรายได้ที่ไม่สะเทือนตัวเองนักทำให้การทำธุรกิจส่วนตัวกลายเป็นโจทย์ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและเริ่มมองหาช่องทางมากขึ้น และดูเหมือนว่าหลายคนจะมั่นใจว่าการลงทุนธุรกิจส่วนตัวแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ก็น้อยกว่าการเล่นหุ้นซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ชี้ชัดว่าเล่นหุ้นดีกว่าหรือทำธุรกิจดีกว่าเพราะทุกอย่างก็มีความเสี่ยงในตัวเองทั้งสิ้น

5.สร้างความมั่นใจหลังวัยเกษียณหรือในยามสูงอายุ
 
คล้ายกับหลักประกันความมั่นคงแต่บางคนที่เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยก็หวังไว้ว่าในอนาคตยามที่ตัวเองแก่เฒ่าไปและมีผู้สืบทอดทำกิจการต่อหรือในยามที่ตัวเองทำธุรกิจไม่ไหวก็สามารถขายหุ้นในธุรกิจตัวเองให้คนอื่นทำต่อไปส่วนวัยเกษียณก็ใช้เงินที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยรุ่นเพื่อให้บั้นปลายชีวิตไม่ต้องลำบากมากนัก
 
ทีนี้เราลองมาดูตารางเปรียบเทียบว่าลงทุนธุรกิจส่วนตัวVs เล่นหุ้น มีความน่าสนใจแตกต่างกันอย่างไร
 
การลงทุนธุรกิจส่วนตัว


ข้อดี
  1. มีเวลาทำงานที่เป็นอิสระ
  2. รายได้และกำไรที่เกิดขึ้นเป็นของเรา
  3. มีโอกาสที่จะก้าวหน้าในอนาคต
  4. ถ้าธุรกิจประสบความสำเร็จใช้เป็น  หลักประกันความมั่นคงในอนาคตได้
  5. ถ้าธุรกิจเติบโตดีวัยเกษียณไม่ลำบากแน่นอน
ข้อเสีย
  1.  เราต้องรับผิดชอบงานมากขึ้น
  2. มีโอกาสเกิดความเครียดได้
  3. มีความเสี่ยงสูงในการลงทุน
  4. ต้องมีการตัดสินใจที่ดี
  5. ใช้ระยะเวลากว่าจะประสบความสำเร็จ 
การลงทุนเล่นหุ้น



ภาพจาก goo.gl/RwD2xt

ข้อดี
  1. ให้ผลตอบแทนที่ดีถ้าเลือกหุ้นถูกตัว
  2. ดูแลจัดการง่ายเพราะมีระบบรองรับชัดเจน
  3. มีความโปร่งใสเพราะมีกฏหมายควบคุมชัดเจน
  4. มีอิสระที่สามารถทำอย่างอื่นได้มากขึ้น
ข้อเสีย
  1. ต้องรู้จักการเลือกหุ้นและวิเคราะห์หุ้นให้เป็น
  2. หากต้องการความสำเร็จที่รวดเร็วก็ต้องใช้เงินทุนที่มากขึ้น
  3. มีความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของตลาด
  4. มือใหม่มีโอกาสเสี่ยงสูงหากได้รับการดูแลจากโบรคเกอร์ไม่ดีพอ
ตัวอย่างรายได้ของการลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว Vs เล่นหุ้น

การลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว

 
ยกตัวอย่างของการลงทุนขายอาหารตามสั่ง โดยใช้หน้าบ้านของตัวเองเปิดร้านแบบไม่มีค่าเช่าพื้นที่ ขายอาหารตามสั่งทุกเมนูพร้อมเครื่องดื่ม ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่รวมค่าตกแต่งร้าน อุปกรณ์ทุกอย่างใหม่หมด และวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร ประมาณ  20,000 -30,000 บาท รายได้ที่เกิดขึ้นจากการขายในกรณีที่มีลูกค้าพอสมควรกับเมนูปกติที่ขายจานละ 35 บาท

โดยคำนวณว่า 1 วันขายได้ประมาณ100 จานมีรายได้ต่อวัน 3,500 (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย) ซึ่งแต่ละเดือนก็มีรายได้รวมประมาณ 100,000 บาท ทีนี้ก็ต้องมาดูว่าหักค่าใช้จ่ายส่วนต่างซึ่งแต่ละที่ไม่เหมือนกันก็อยู่ที่การบริหารจัดการถ้าจัดการได้ดีก็มีกำไรมากขึ้นในแต่ละเดือน
 
การลงทุนเล่นหุ้น
 
ยกตัวอย่างที่ดีของหุ้นที่ประสบความสำเร็จเช่น SCBLIF บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ในปี2008 หุ้น SCBLIF มีราคาอยู่ที่ 145 บาท เวลาผ่านไปเพียง 5 ปีราคาหุ้น SCBLIF ได้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 1,016 บาท (2013) นักลงทุนที่ได้ซื้อ SCBLIF เก็บเอาไว้เมื่อปี 2008 จะมีเงินเพิ่มมากขึ้นถึง 7 เท่าตัวในปี 2013 ทีนี้ว่ารายได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราซื้อหุ้นไปมากเท่าไหร่ด้วย
 
ทั้งนี้การเลือกรูปแบบว่าจะลงทุนส่วนตัวหรือลงทุนเล่นหุ้นก็ต้องมาชั่งใจตัวเองว่าชอบหรือต้องการแบบไหน และขอให้เลือกการลงทุนในแบบที่ตัวเองสบายใจก็จะทำให้การลงทุนนั้นเกิดคุณค่าและนำพาผลประโยชน์สูงสุดมาสู่ผู้ลงทุนได้
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
792
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
709
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
640
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
521
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
432
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
420
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด