บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.2K
2 นาที
11 สิงหาคม 2560
เหลือเชื่อ! หมดยุครุ่งเรือง มอเตอร์ไซค์ระดับโลก Harley-Davidson

 
ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ! อุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซค์ในสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหา และส่งผลให้เกิดความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเปลี่ยนกลยุทธการตลาด ที่จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบทั้งหมดของอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์สหรัฐฯ 
 
ว่ากันว่ากลุ่มคนหรือกลุ่มผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า Millennial ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-34 ปี หรือเกิดอยู่ในช่วงค.ศ.1980-1996 ของสหรัฐฯ ไม่หันมานิยมซื้อและขับขี่มอเตอร์ไซค์ เหมือนกับรุ่นปู่รุ่นพ่อของพวกเขา นี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งให้ยอดขายมอเตอร์ไซค์ในสหรัฐฯ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ Harley-Davidson สัญลักษณ์คนอเมริกัน 
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ขอนำเสนอตัวเลขคร่าวๆ เกี่ยวแนวโน้มและตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในสหรัฐฯ ดังนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในสหรัฐอเมริกา อาจดูมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแต่ไม่ใช่สำหรับ Harley-Davidson ที่ยอดขายในไตรมาสที่ 2 ปี 2017 ในประเทศสหรัฐอเมริการ่วงถึง 9.3% แม้จะมีการขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มก็ตาม หลังร่วง 4.2% ในไตรมาสแรก
 
ไม่เพียงแค่ยอดขายในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยอดขายทั่วโลกของ Harley-Davidson ก็ลดลง 2.3% ในไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 Harley-Davidson มียอดขายลดลงเฉลี่ย 6.7%
ด้าน CEO ของ Harley-Davidson ออกมาบอกว่า Harley-Davidson ยังมีการลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง การประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Harley-Davidson ลดลงถึง 10% ซึ่งลงต่ำกว่าราคาประกาศขายในตอนแรกแล้วด้วยซ้ำ Harley-Davidson คาดการณ์ยอดผลิตรถในปีนี้ไว้ที่ 2.41-2.46 แสนคัน ที่จะส่งมอบถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก
 
Millennial ไม่ชอบ Harley-Davidson 
 

 
หาย้อนกลับไป พบว่าปี 2006 เป็นปีที่ยอดขายมอเตอร์ไซค์ในสหรัฐฯ บรรลุถึงจุดสูงสุดที่ 716,268 คัน กระทั่งสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐฯ ในปี 2008 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดมอเตอร์ไซค์ ข้อมูลของ Motorcycle Industry Council ระบุว่า ในปี 2009 การขายลดลงร้อยละ 41 และในปี 2010 การขายลดลงอีกร้อยละ 14 
การลดลงของยอดขายในช่วงเวลาดังกล่าว อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น และภาพพจน์ของมอเตอร์ไซค์ที่เป็นการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และยากที่จะกู้ยืมเงินไปซื้อ 
 
ตัวแปรที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความแตกต่างของคนอเมริกันแต่ละรุ่น ในปี 2003 ประมาณหนึ่งในสี่ของคนอเมริกันที่ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นกลุ่ม baby boomer อายุ 50 ปีขึ้นไป ในปี 2014 จำนวนลูกค้ากลุ่มนี้ได้ลดลงเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง 
 
สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะลูกค้ากลุ่มนี้ หันออกจากการขี่มอเตอร์ไซค์เข้าสู่การเล่นกอล์ฟแทน ส่งผลให้เกิดเป็นความจำเป็นเร่งด่วน ที่ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ขึ้นมา 
 
 
และคนรุ่น Millennial คือความหวังที่ดีที่สุด เพราะคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่า GenX และถูกคาดหวังว่าจะมีช่วงเวลาของชีวิตที่ยืนยาวกว่า หรือยังห่างไกลจากการเปลี่ยนกระดูกสะโพกเหมือนคนรุ่น baby boomer
 
ที่สำคัญเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเอง ประชากรกลุ่ม Millennials มีมากถึงกว่า 76 ล้านคน (ซึ่งมากกว่าประชากรไทยทั้งประเทศ) คิดเป็นสัดส่วนราว 27.4% ของประชากรทั้งประเทศ มีกำลังซื้ออย่างมากราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ของแต่ละปีในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะศึกษากลุ่มคนรุ่นนี้ เพื่อที่จะนำมาปรับใช้ในการทำการตลาดกับพวกเขา
 
ดังนั้น เพื่อล่อคนกลุ่ม Millennials เข้าสู่ตลาด อุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบรถ บริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ของสหรัฐฯ จึงเร่งผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ ที่ออกแบบสำหรับผู้ขับขี่เป็นครั้งแรก มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ นี้จะมีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และมีราคาที่สามารถซื้อหาได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 
 
 
Harley-Davidson ซึ่งครองตลาดสหรัฐฯ สินค้ารถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะสูญเสียมากที่สุด เมื่อยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของ Harley-Davidson ในระหว่างปี 2006-2010 มีจำนวนลดลงกว่าครึ่ง 
 
ดังนั้น บริษัทฯ จึงเป็นหัวหอกในการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่บริษัทฯ ทำคือ เปลี่ยนการออกแบบเครื่องยนต์ให้เป็นสำหรับผู้ขับเป็นครั้งแรก โดยการนำเสนอรถรุ่น Street 500 ที่มีเครื่องยนต์แค่ประมาณ 500cc และมีที่นั่งที่ต่ำลงเสนอขายในราคาไม่ถึง 7,000 เหรียญฯ รถรุ่นนี้สามารถสร้างคนขับมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ ได้ปีละประมาณ 65,000 ราย 
 
 
ปัจจุบันบริษัท Harley-Davidson กำลังใช้กลยุทธการตลาด Skip the latte; buy a bike โดยโฆษณาว่า รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson เก้าคันราคาไม่ถึง 12,000 เหรียญฯ หรือแค่วันละ 6 เหรียญฯ เท่านั้น
 
Harley-Davidson ออกรุ่น Street500 บริษัท Kawasaki ก็ออกรถรุ่น Ninja300 ภายใต้แนวคิดเดียวกัน กับ Harley-Davidson ตามติดมาด้วย Ducati ที่ออกรถรุ่น Scramble บริษัท BMW ออกรุ่น G310R และ Honda ออกรุ่น Rebel
 
แม้ว่าทั้งภาคอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างลูกค้าใหม่ขึ้นในตลาดผู้บริโภค ที่กำลังเปลี่ยนรูปแบบไป แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจของผู้ผลิตเหล่านี้ ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก รถรุ่นเก่าๆ ยังคงทำกำไรให้บริษัทได้มากกว่า 
 
ผู้ผลิตหลายรายเข้าสู่ตลาดผู้บริโภครุ่นหนุ่มสาวช้าเกินไป ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดหุ้นกำลังเข้มแข็ง และอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ กำลังรุ่งเรือง แต่การขายมอเตอร์ไซค์ยังคงตกต่ำ โดยในปี 2016 ผู้บริโภคสหรัฐฯ ซื้อมอเตอร์ไซค์ 371,403 คัน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/home.php
 
อ้างอิงข้อมูล  goo.gl/YynJjf
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,789
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,394
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
700
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
634
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
560
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
489
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด