ภาพจาก goo.gl/4SkSut

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ร้านไอศกรีมมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงฤดูร้อน หรือช่วงเวลาที่อากาศร้อนๆ อย่างเมืองไทย แต่คุณรู้จักหรือเปล่าว่า ปัจจุบันร้านไอศกรีมมีมากมาย และการแข่งขันกันกันรุนแรง ทั้งร้านแบรนด์นอก แบรนด์ไทย โดยแต่ละร้านก็จะมีผลิตภัณฑ์และการออกแบบตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนกัน ตั้งแต่คลาสสิกไปจนถึงทันสมัย
 

ในปัจจุบันถ้าใครอยากจะเป็นเจ้าของร้านไอศกรีมสักร้านหนึ่ง หรือแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง อาจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะการที่เราจะเป็นเจ้าของร้านไอศกรีมแบบง่ายๆ ก็คือ การซื้อแฟรนไชส์ร้านไอศกรีมที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จนั่นเอง แต่ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกา ผู้นำในตลาดร้านไอศกรีม ก็คือ Baskin-Robbins 
 

แต่วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ได้มีแฟรนไชส์ร้านไอศกรีมดีๆ มีคุณภาพ มีชื่อเสียง ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่แพ้ Baskin-Robbins อย่างแน่นอน หากคุณซื้อแฟรนไชส์ไปแล้ว รับรองว่าประสบความสำเร็จแน่นอนครับ

 

 

Dairy Queen เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟรนไชส์ร้านไอศกรีมที่ผู้บริโภคคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ในเมืองไทยกลุ่มบริษัทไมเนอร์ฯ เป็นผู้ถือครองสิทธิ์บริหารจัดการร้านและขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์ ยิ่งในสหรัฐอเมริกาไม่ต้องพูดถึง เป็นร้านไอศกรีมที่ได้รับความนิยมอีกแบรนด์หนึ่ง Dairy Queen มีแนวคิดระบบแฟรนไชส์ร้านที่แตกต่างกันออกไป อาทิ Classic Dairy Queen, DQ Orange Julius และ DQ Grill & Chill ราคาขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและประเภทของแฟรนไชส์

2. Cold Stone Creamery
 

 

Cold Stone Creamery พยายามนำเสนอไอศกรีมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน มีรสชาติอร่อยและหลากหลาย ระบบร้านให้บริการรวดเร็ว โดดเด่นด้านไอศกรีมเค้กและของหวานอื่นๆ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มต้น 27,000 เหรียญ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ปัจจุบันบริษัทขายแฟรนไชส์ในอเมรากา ทั้งในระบบ Single Unit Franchise คือ การให้สิทธิในการดำเนินธุรกิจได้เพียงแห่งเดียว และ Multi Unit Franchise คือ การให้สิทธิในการดำเนินธุรกิจได้มากกว่า 1 แห่ง โดยผู้ซื้อสิทธิจะต้องเปิดดำเนินการเอง ไม่สามารถขายสิทธิ์แฟรนไชส์ต่อให้ใครได้

 

 

Ben & Jerry's แฟรนไชส์ไอศกรีมจากสหรัฐอเมริกา เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2521 ที่เมืองเซาท์เบอร์ลิงตัน ในรัฐเวอร์มอนต์ โดย เบน โคเฮน และ เจอร์รี กรีนฟิลด์ สองนักศึกษาที่เข้าเรียนการทำไอศกรีมจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต Ben & Jerry's มีสาขามากกว่า 21 ประเทศทั่วโลก ไอศกรีมมีหลากหลายรสชาติ ได้แก่ ไอศกรีม ซอร์เบต์ และ โยเกิร์ตแช่แข็ง บริษัทมีรูปแบบร้านหลายแบบ ตั้งแต่ร้านค้าเต็มรูปแบบไปจนถึงซุ้ม ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มแรก 16,000-37,000 เหรียญสหรัฐ 

 

Dippin' Dots มีชื่อเสียงในแนวคิด "ไอศกรีมลูกปัด" บริษัทเปิดโอกาสขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจทำธุรกิจร้านไอศกรีมแบบซุ้ม หรือรถเคลื่อนที่ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มแรก 15,000 เหรียญสหรัฐฯ 

 

 

Yogurtland เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่มุ่งเน้นไปที่โยเกิร์ตแช่แข็ง ปัจจุบันมีมากกว่า 325 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ระบบแฟรนไชส์ของบริษัท จะให้การฝึกอบรม และการสนับสนุนด้านการตลาด และการออกแบบตกแต่งร้าน และอื่นๆ 

 

 

Rita’s Italian Ice เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่มุ่งเน้นไปที่น้ำแข็งปรุงแต่งแทนไอศกรีมจากนม นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มแรกอยู่ที่ 30,000 เหรียญสหรัฐฯ 

 

 

Haagen-Dazs มีร้านขายไอศกรีมของตัวเอง นอกเหนือจากการจำหน่ายไอศกรีมในร้านค้า ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 30,000 เหรียญ และบริษัทต้องการให้แฟรนไชส์ซีมีเงินทุนหมุนเวียนอย่างน้อย 200,000 เหรียญในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ

 

 

Bruster's Real Ice Cream ดำเนินธุรกิจร้านขายไอศกรีมมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอศกรีมที่มีคุณภาพ ควบคู่กันกับการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนให้กับแฟรนไชส์ซี ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มแรก 30,000 เหรียญ และแฟรนไชส์ซีต้องมีเนทุนหมุนเวียนในการเริ่มต้นธุรกิจ 100,000 เหรียญสหรัฐ

 

 

Marble Slab Creamery เป็นแฟรนไชส์ร้านไอศกรีมที่มีส่วนผสมหลากหลาย มีมากกว่า 75 รสชาติ ผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ควรมีเงินทุนเริ่มต้นอย่างน้อย 250,000 เหรียญสหรัฐ และ 100,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับหมุนเวียน

 

 

Andy’s Frozen Custard เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่เชี่ยวชาญด้าน Frozen Custard ดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี มีทั้งร้านบริษัทและแฟรนไชส์ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เริ่มแรก อยู่ที่ 28,000-32,000 เหรียญสหรัฐ 
 

ทั้งหมดเป็น 10 ร้านแฟรนไชส์ไอศกรีมในสหรัฐอเมริกา ที่หลายคนมองว่าเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนซื้อแฟรนไชส์ร้านไอศกรีม และสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับแบรนด์ไอศกรีม Baskin-Robbins ได้เป็นอย่างดี 
 

อ่านบทความแฟรนไชส์อื่นๆ goo.gl/gocHa1

สนใจซื้อแฟรนไชส์ต่างๆ goo.gl/sSNGUo

อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก goo.gl/tyog8c