บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    การวางแผนธุรกิจแฟรนไชส์
3.3K
2 นาที
20 มีนาคม 2555
3 สมาคมแฟรนไชส์ไทย ไปทางไหน?

ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่คลุกคลี และคร่ำหวอดอยู่ในวงการแฟรนไชส์ไทย มานานกว่า 10 ปีท่านหนึ่ง


โดย การสนทนาก็ได้หยิบยกเอาประเด็นที่ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ มีโอกาสได้เห็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการรายใหม่ๆ แจ้งเกิดในวงการธุรกิจแฟรนไชส์ไทยมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ได้ก็คือ เห็นมีแจ้งเกิดและเปิดตัวอยู่พอประมาณ โดยมีหน่วยงานภาครัฐอย่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (DBD) เป็นผู้ผลักดัน

แต่พบ ว่า เมื่อเปิดตัวหรือแจ้งเกิดกันแล้ว เจ้าของแฟรนไชส์รายใหม่ หรือแฟรนไชส์ซอ ส่วนใหญ่ไม่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจแฟรนไชส์ให้เติบโตต่อไปได้ หลายรายสะดุดขาตัวเองและต้องม้วนเสื่อกลับบ้านเก่า

ผู้คร่ำหวอดท่านนี้ให้ความเห็นว่า อาจเป็นเพราะ
  1. ความไม่พร้อมของตัวเจ้าของธุรกิจเอง
  2. แนวคิดเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ไม่ถูกต้องมาตั้งแต่เริ่มต้น
  3. การส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ของภาครัฐทำได้แค่เพียงจุดกระกาย (แต่ไฟไม่ลุกโชน)
  4. ขาดกฎหมายที่จะควบคุมและสนับสนุนภาคธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีความโปร่งใสและชัดเจน
  5. เจ้าของธุรกิจค้นพบว่าระบบแฟรนไชส์ไม่เหมาะกับธุรกิจตัวเองก็ถอนตัวออกไป เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมถึงความร่วมมือกันของผู้ที่อยู่ในธุรกิจแฟรนไชส์ไม่เหนียว แน่นพอ โดยเฉพาะรายที่เข้มแข็งแล้ว กับรายใหม่ที่แค่เริ่มตั้งไข่หรือไม่เข้มแข็งพอ ไม่สามารถจะเชื่อมต่อกันได้อย่างกลมกลืนหรือรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อพัฒนาตลาดรวมแฟรนไชส์ให้เติบโต ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าการมาจากธุรกิจที่หลากหลาย อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมองว่าธุรกิจหลักคือคู่แข่งขันกัน (ดูจะเป็นปัญหาไปหมด)
ผู้ เขียนเองก็ไม่อาจชี้ชัดว่า ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นจะถูกหรือผิดอย่างไร แต่ก็นับเป็นมุมมองและแง่คิดที่ผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์น่าเปิดใจรับไว้ ผู้เขียนเองก็พอจะเห็นภาพลางๆ หลังจากที่ก้าวเข้ามาสู่วงการแฟรนไชส์ได้ประมาณ 2 ปีเศษ และในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ด้วย จึงอยากจะเห็นเจ้าของแฟรนไชส์หรือแฟรนไชส์ซอและผู้ที่เกี่ยวข้องตื่นตัว สำหรับการช่วยกันยกระดับและพัฒนาภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ไทย เพื่อให้เข้มแข็งและเติบโตยิ่งขึ้นไป

มิฉะนั้นในอนาคตเราก็คงจะเหนื่อยหนักแน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี (Asian Economic Community: AEC) แฟรนไชส์จากต่างประเทศก็คงจะบุกเข้ามาพร้อมกับเงินทุนและระบบการจัดการที่เหนือกว่าแฟรนไชส์ไทย อะไรจะเกิดขึ้นบ้างไม่อยากจะคิดต่อ
 
ประการแรกที่ผู้เขียนอยากเห็น คือ สมาคมแฟรนไชส์ที่ปัจจุบันมีอยู่ถึง 3 สมาคม รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้เขียนและผู้ประกอบการแฟรนไชส์หลายๆ รายสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงรวมกันไม่ได้ (ทั้งที่หน่วยงานภาครัฐเคยประสานงานให้รวมกัน และแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว) ถ้ารวมกันไม่ได้จริงๆ จะด้วยเหตุเพราะนโยบาย และวัตถุประสงค์ หลักของสมาคมไม่ตรงกันหรือเข้ากันไม่ได้  
 
สมาคม และหน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนก็ควรจะชี้กันมาให้ชัดๆ ว่า สมาคมใด เหมาะกับธุรกิจแฟรนไชส์ขนาดใด หรือกลุ่มใด ผู้ประกอบการที่สนใจจะสังกัดด้วย ก็จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเลือกสมัครเข้าเป็นสมาชิกสมาคมใดดี เพื่อจะได้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ไทยกันอย่างจริงจัง นี่ผู้ประกอบการไม่รู้ว่าจะเป็นสมาชิกกับสมาคมใด บางรายก็ต้องใช้วิธี "สามี" เป็นสมาชิกสมาคมหนึ่ง "ภรรยา" เป็นสมาชิกอีกสมาคมหนึ่ง ครั้นจะไม่เป็นสมาชิกสมาคมใดเลย เดี๋ยวก็จะโดนหน่วยงานภาครัฐติติงเอาได้ว่าไม่ให้ความร่วมมือ
 
อีก ประการหนึ่ง ที่ผู้เขียนฝากถึงผู้ประกอบการรายใหม่ ที่คิดจะนำธุรกิจหลักก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ โปรดได้ทบทวนหลายๆ รอบก่อนจะตัดสินใจว่า พร้อมจะเริ่มต้นอย่างจริงจังเพียงใด โดยเฉพาะรายที่เป็น เอสเอ็มอี ท่านมีความพร้อมในการลงทุนหรือไม่ อย่าหลงเข้าใจผิดว่าการขยายสู่ธุรกิจแฟรนไชส์จะกลายเป็นเสือนอนกิน หรือ รับทรัพย์อย่างเดียว เพราะอันที่จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

หรือจะ กล่าวได้ว่ามันก็คือ การลงทุนอีกหนึ่งธุรกิจของท่าน เพียงแต่นำธุรกิจเดิม หรือธุรกิจหลักมาต่อยอด ซึ่งแต่เดิมธุรกิจหลักอาจไม่เคยทำการตลาดหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์มาก่อน เมื่อพัฒนาสู่ระบบแฟรนไชส์ก็จะต้องลงทุนและเริ่มต้นลงมือทำ หรือธุรกิจหลักเคยทำกันแค่คนในครอบครัว และญาติๆ กับลูกจ้างไม่กี่คน ก็ต้องเปลี่ยนไปสู่ระบบการสร้างคน สร้างทีมงาน เพื่อไว้รองรองรับการทำงานที่จะสนับสนุนแฟรนไชส์ซี ที่ท่านขยายสาขาเพิ่มขึ้นฯลฯ
 
เหล่า นี้ เป็นการลงทุนก่อนจึงจะได้ผลตอบแทนกลับมา ซึ่งผู้เขียนเห็นผู้ประกอบการหลายรายที่เข้าใจผิดๆ และมองธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ทะลุ สุดท้ายก็เลยพาธุรกิจหลักและแฟรนไชส์ซีล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน คราวนี้เลยกลายเป็นว่าระบบแฟรนไชส์มีปัญหา ทั้งๆ ที่ปัญหาไม่ได้เกิดจากระบบแต่เกิดจากความไม่มีระบบมากกว่า ซึ่งกูรูท่านหนึ่ง ก็พยายามถ่ายทอดและพร่ำสอนให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังว่า "ธุรกิจอะไรก็ได้ ถ้ามีระบบที่ดีแล้ว สามารถจะต่อยอดเป็นแฟรนไชส์ได้ไม่ยาก" แต่เจ้าลูกศิษย์ทั้งหลายสิ ไม่เชื่อตามนั้น
 
หยิบ ยกประเด็นนี้มาคุยกัน มิได้มีเจตนาที่จะตำหนิหรือต่อว่ากัน โดยเฉพาะสมาคมแฟรนไชส์ทีมีอยู่ เพราะหลายๆ กิจกรรมดีตามที่สมาคมฯ ริเริ่ม หรือทำมาอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องขอชมว่า...ดีแล้วครับ แต่ก็อยากจะเห็นความร่วมไม้ร่วมมือของเพื่อนร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งรุ่นเล็ก และรุ่นใหญ่ และบรรดาคณาจารย์ทั้งหลายที่อยู่ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังมาโดยตลอด รวมถึงผู้ทำธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์

อย่าง ที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่เห็นแฟรนไชส์แบรนด์คนไทยรายใหม่ๆ แจ้งเกิด และก้าวขึ้นมาเป็นดาวประดับวงการแฟรนไชส์ ให้สมกับเงินงบประมาณที่ภาครัฐได้ทุ่มลงมาดำเนินโครงการต่างๆ หรือว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยที่มีอยู่บ่มีไก๊แล้ว หรือว่าโครงการที่หน่วยงานของรัฐผลักดันออกมาเข็นผู้ประกอบการไม่ขึ้นแล้ว หรือว่าคณาจารย์ที่มีอยู่ในเมืองไทยสอนจนไม่มีอะไรจะสอนแล้ว ฯลฯ
 
เชื่อ ว่ายังคงมีคำถาม และคำอธิบาย ที่จะมาถกเถียงกันอีกมากมาย และก็เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากจะเห็นภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ไทยมุ่งไปสู่เป้าหมาย เดียวกันคือ "เติบโตและเข้มแข็งอย่างยั่งยืน" ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายยอมเสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม กันก่อน โดยเฉพาะแกนหลักๆ ของ 3 สมาคมในปัจจุบัน คงต้องจับเข่าคุยกันจริงๆ จังๆ สำหรับผู้เขียนแล้ว ก็พร้อมจะเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องก้าวไปพร้อมๆ กัน...เอาใจช่วยเต็มที่ครับ
 
อ้างอิงจาก สยามรัฐ
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
905
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
633
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
572
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
522
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
506
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
488
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด