กล้าคิด กล้าพูด กล้าแตกต่าง สร้างพลังธุรกิจ

คราวที่แล้วได้พูดเรื่องเกี่ยวกับ การทำในสิ่งที่แตกต่าง เพื่อสิ่งที่ดีกว่า หรือ  Make THE  Difference วันนี้เลยอยากขยายความว่าการ  Make THE Difference นั้น ทำได้จริงต้องทำอย่างไร

อย่างแรกท่านต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “Why not?” Attitude คอยตั้งคำถามอยู่ตลอดว่า ทำไม ทำไม ทำไมธุรกิจนั้นต้องทำแบบนี้  ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมแบบนั้นทำแล้วไปได้ดี ทำไมแบบนี้ทำแล้วไม่สำเร็จ และทำไมที่สำคัญที่สุดก็คือ “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้” ที่ท่านจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้เกิดผลสำเร็จขึ้นได้ จะต้องไม่เกิดคำว่าเป็นไปไม่ได้ในความคิดของท่าน ต้องมีแต่คำว่า “ถ้าจะทำให้เป็นไปได้แล้ว ต้องทำอย่างไร ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง” อย่างนี้ก็ทำให้ท่านก้าวไปข้างหน้ากว่าคู่แข่งแล้ว 1 ก้าว และเมื่อท่านมีทัศนคติเช่นนี้แล้วความคิดก็จะเปิดกว้าง มองเห็นเส้นทางสู่ความสำเร็จได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกัน Idea หรือความคิดดีๆ อาจไม่ได้มาจากท่านเพียงเท่านั้น แต่สามารถมาจากผู้คนรอบข้างท่าน เช่นลูกน้องของท่าน ก็อาจมีความคิดดีๆ มาเสนอท่าน  ในแง่มุมของการบริหารคนที่เป็นลูกน้อง ท่านผู้ประกอบการต้องกระตุ้นให้เขาเหล่านั้นสามารถทำในสิ่งที่แตกต่าง เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในการทำงาน  โดยเขาจะต้องเริ่มจากความกล้าคิดว่า “ทำไม ? จะเป็นไปไม่ได้” กล้าคิดที่จะทำสิ่งที่ท้าทายกฎเกณฑ์ ต้องไม่พอใจแค่กับสิ่งที่เป็นอยู่และความเคยชินที่ทำตามกันมา อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากความกล้าคิดแล้ว คงยังไม่พอ เขาจะต้องมีความกล้าพูดเช่นกัน เพราะถ้ากล้าคิด แต่ไม่กล้าพูดนำเสนอในเรื่องนั้นๆ ความคิดนั้นคงไม่มีประโยชน์ และคงไม่ทำให้เกิดสิ่งที่แตกต่าง ที่สามารถเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันในธุรกิจนั้นๆ

อย่างไรก็ตามการที่จะให้ลูกน้องของท่านกล้าพูด โดยเฉพาะการนำเสนอในสิ่งที่ใหม่ๆ ท้าทายกฎเกณฑ์เดิมๆ  ท่านผู้ประกอบการจะต้องสร้างบรรยากาศในการสื่อสารอย่างเปิดกว้าง หรือ Open Communication ให้เกิดขึ้นในธุรกิจองค์กรของท่าน

กล่าวคือ ทำอย่างไรให้องค์กรของท่านมีวัฒนธรรมการทำงานที่เปิดโอกาสให้มีการสื่อสารอย่างเปิดกว้างอย่างแท้จริง ทั้งนี้บุคคลที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ในองค์กรของท่าน ก็คือ ตัวท่านผู้ประกอบกิจการเอง  ซึ่งต้องเป็นแบบอย่าง เป็นผู้เริ่มต้น และสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยส่งเสริม กระตุ้น ในการสร้างบรรยากาศให้เกิดการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นไปอย่างเปิดกว้างขึ้น

โดยให้ทุกคนเปิดใจเต็มที่ในการสื่อสารซึ่งกันและกัน  สื่อสารอย่างเรียบง่าย ชัดเจน ด้วยความรับผิดชอบ สื่อสารและตอบรับให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วเพื่อผลสำเร็จในงาน กระตุ้นให้กล้าที่จะเสนอแนะแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันก็ต้องให้เขาพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังและเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่นที่แตกต่าง รวมทั้งให้การตอบรับในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้พนักงานของท่าน มีความคิดสร้างสรรค์ มีการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่ดี มีการยอมรับความคิดซึ่งกันและกัน มีความสุข กำลังใจและมีส่วนรวมในการทำงาน มีการฝึกฝนความคิด มีมุมมองใหม่สามารถนำมาพัฒนาปรับปรุงการทำงานให้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นผลดีกับองค์กรธุรกิจของท่าน

ในองค์กร TMB ที่ผมทำงานอยู่ เราได้มีแนวคิดที่ว่า “ทำไม จะเป็นไปไม่ได้” หรือ  Why Not? Attitude เราตั้งคำถามตัวเราว่า ทำไม...ลูกค้าต้องทนใช้บริการทางการเงินที่ไม่ตอบโจทย์ ทำไม... เราไม่เสนอบริการที่แตกต่างที่ทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น ทำไม... เราไม่สร้างทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า ทำไม....เราไม่ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้  รวมทั้งได้มีการปลูกฝังวัฒนธรรมการสื่อสารอย่างเปิดกว้างในทุกระดับ หรือ Open Communication

ซึ่งผมมั่นใจว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญและสิ่งที่ก่อให้เกิดความกล้าที่จะคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แตกต่าง เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าของเรา ตอกย้ำจุดยืน Make THE Difference ได้อย่างแท้จริง และผมก็เชื่อมั่นในศักยภาพของท่านผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย  ในความสามารถที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แตกต่าง เพื่อสิ่งที่ดีกว่าที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าของท่านได้ด้วยเช่นกัน ผมจึงอยากชวนท่านผู้ประกอบการมา Make THE Difference ด้วยกันน่ะครับ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ

อ้างอิงจาก สยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม