ครั้งนี้ผมขอชวนเพื่อนๆ เอสเอ็มอีมาฟังเสียงสะท้อนจาก “ผู้บริโภคตัวจริงเสียงจริง”  เผื่อจะได้ “ไอเดีย” ไปต่อยอดธุรกิจของตัวเองกันนะครับ คุณพลอย อภัยวงศ์ หลานย่าท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ หนึ่งในราชนิกูลชื่อดังของเมืองไทย เธอทำให้ผมภูมิใจในสินค้าเอสเอ็มอีแทนผู้ประกอบการไทยหลายๆคนเลยล่ะครับ

 

จากที่ได้พูดคุยกับเธอ ผมมั่นใจว่าวิธีง่ายๆที่สามารถนำไปคิดต่อได้ สิ่งแรกคือ วัตถุดิบสมุนไพรไทยขายได้ชัวร์ แค่มั่นใจในคุณภาพ และทำแพ็คเกจจิ้งให้เจ๋ง คุณพลอยบอกว่า สินค้าเอสเอ็มอีไทยเป็นสินค้าที่มีเสน่ห์ เธอเล่าว่าเคยใช้คอสเมติกแบรนด์ดัง และไม่สังเกตเห็นความพิเศษอะไร แต่พอคุณแม่แนะนำให้ใช้ “อภัยภูเบศร”

สินค้าเลือดไทย 100% อัดแน่นไปด้วยมรดกล้ำค่าอย่าง สมุนไพรไทย และ ธรรมชาติล้วนๆ (organic) เช่น ขมิ้น มะขาม ว่านหางจระเข้ อิทธิฤทธิ์ของสินค้าไทยก็ทำให้เธอติดใจจนถึงทุกวันนี้ ผิวพรรณใบหน้าดีขึ้นกว่าตอนใช้ของนอกซะอีก

 

ปัจจัยต่อมาคือ ต้องดึงภูมิปัญญา หรือใส่เรื่องเล่าให้เป็นจุดขาย คุณพลอยบอกว่า “ภูมิปัญญาของคนไทยมีค่าพอๆกับวัตถุดิบหรือคุณสมบัติของมันด้วยซ้ำ คิดดูว่ากว่าที่เขาจะผลิตสินค้าดีๆออกมาได้ เขาต้องสั่งสมความรู้ยาวนาน รุ่นสู่รุ่น และลองผิดลองถูกมาแล้วกี่ครั้ง ต้องใช้แรงงานชาวบ้านตั้งเท่าไรกว่าจะผลิตออกมาได้ ใช้แล้วพลอยภูมิใจมากนะคะ”
 

แต่เอสเอ็มอีมือใหม่อย่าเพิ่งใส่เกียร์ถอย เพียงเพราะมีประสบการณ์น้อยกว่าคนอื่นนะครับ คุณพลอยแนะนำว่าทุกคนควรเปลี่ยนหน้าตาสินค้าให้แปลกตาไม่เหมือนใคร ใส่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ทำให้มีสไตล์และฉายจุดเด่นของตัวเองให้เห็นชัดๆ และต้องซ่อนลูกเล่นเฉพาะตัวให้ลูกค้านึกถึงเราได้เสมอ อาจจะเลือกสีของแพ็คเกจจิ้ง หรือโลโก้ที่เข้ากับสินค้า

 

ยกตัวอย่าง “เขาค้อทะเลภู” สินค้าเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เลือกใช้วัตถุดิบจากผลิตผลทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพร เช่น ชากล่องดอกอัญชัญ ออร์แกนิค (Butterfly pea Herbal Tea) หรือ ครีมล้างหน้ามะขามและแครอต (Cleansing cream tamarind & carrot) และฉายจุดเด่นของตัวเองด้วยการเลือกใช้สีน้ำตาล และความเรียบง่ายเพื่อสื่อความเป็นธรรมชาติแบบไทยๆที่สากลยอมรับได้

เห็นปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแบรนด์นี้ หรือของกินเล่นง่ายๆ เช่นขนมกะละแม ก็ลองเปลี่ยนรูปลักษณ์มาเป็นข้าวต้มมัด หรือพวกทุเรียนอบกรอบ กล้วยฉาบ ก้างปลาอบ เอามาตัดแต่งรูปลักษณ์หลายๆแบบ เล็กพอดีคำ แบ่งใส่แพ็คเกจจิ้งน่ารักๆ คำนึงถึงประโยชน์การใช้งาน (Function) ของลูกค้าเป็นหลัก
 

จากคำแนะนำของคุณพลอย อาจมีเอสเอ็มอีมือใหม่บางคนคิดว่าต้องใช้เงินลงทุนเยอะในการพัฒนาสินค้า สร้างจุดเด่น ให้มีความหลากหลายในตลาด แต่ไม่ต้องกังวลครับ ช่วงเริ่มต้นเอสเอ็มอีสามารถลองพัฒนาสินค้าและผลิตออกมาแบบเดียว ขนาดเดียวก่อนในจำนวนที่เยอะขึ้น

เพื่อให้เราสามารถควบคุมต้นทุนจากการผลิต (Economy of Scale) ซึ่งทำให้เราตั้งราคาที่เหมาะสมได้ และเมื่อใดที่สินค้าเจาะตลาดได้แล้ว ก็เดินหน้าพัฒนา เพิ่มขนาดสินค้า และขยายประเภทของสินค้ารูปแบบใหม่ๆ (Product Line) ธุรกิจเอสเอ็มอีจะไม่มีวันหยุดนิ่งครับ เพียงแค่เราต้องไม่หยุดที่จะทำ

 

ผมเชื่อครับว่าสินค้าของเอสเอ็มอีไทยขายได้แน่นอน และคุณก็สามารถ Make THE Difference ในธุรกิจของคุณได้ อย่างที่ทีเอ็มบีเชื่อว่าพลังในตัวคุณสามารถเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ เพราะทุกคนมีพลังที่จะสร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์และมีคุณค่าให้แก่ตัวเองและสังคมเสมอ พบกันครั้งหน้า วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม ยังมีเรื่อง SME ในมุมมองอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันครับ

อ้างอิงจาก    TMB SME