คืนพลังเอสเอ็มอีไทย
 

หลังจากเกิดวิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่ามีผู้ประกอบการรายเล็กรายใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และคงมีความกังวล จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเมื่อน้ำลดแล้ว  “จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร?” ผมเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดนี้ดี และขอส่งกำลังใจให้กับเอสเอ็มอีทุกคนครับ

 

“เราจะช่วยอะไรเอสเอ็มอีได้บ้าง” คือสิ่งที่อยู่ในหัวของผมตลอดเวลานับตั้งแต่น้ำไหลบ่าลงมา จนกระทั่งเมื่อน้ำลด แน่นอนสิ่งแรกที่ทุกคนช่วยเหลือกันได้คือการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และมากกว่านั้นสำหรับผู้ประกอบการคือการได้กำลังทุน ไม่ว่าจะเป็นการได้วงเงินกู้เพิ่มขึ้น ได้ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ หรือการมีมาตรการลดดอกเบี้ยให้น้อยลง  เมื่อประกอบกันแล้วสิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และสามารถสตาร์ทธุรกิจของเขาได้อีกครั้ง

 

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับผู้บริหารของทีเอ็มบี และทีมงาน เพื่อเยี่ยมผู้ประกอบการในพื้นที่ประสบภัยจังหวัดนครสววรค์ และมีโอกาสได้สอบถามถึงเป้าหมายของการเดินทางครั้งนั้นจึงได้ทราบว่า ทีเอ็มบีได้ลงพื้นที่เพื่อต้องการที่จะไปพูดคุย และเข้าใจถึงปัญหา ความต้องของเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง ที่มากกว่านั้นคือต้องการ ส่งพลังใจ ให้พลังทุน และมอบพลังไฟ แก่ผู้ประกอบการ
 

โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษานำอาจารย์และนักศึกษาลงพิ้นที่ตรวจเช็คความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในสถานประกอบการของเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าของธนาคาร และในวันนั้นผมยังได้สัมผัสถึงหัวใจที่แข็งแกร่งของเอสเอ็มอีไทย ถึงแม้จะท้อ แต่เขามีความตั้งมั่นที่จะต้องฟื้นธุรกิจของตัวเองให้ได้ ผ่านน้ำเสียงที่สั่นเครือแต่เต็มไปด้วยพลังของเอสเอ็มอี

 

ไม่ใช่แค่ทีเอ็มบีที่มีการ “คืนพลัง” ให้แก่เอสเอ็มอีไทย เพราะยังมีกูรูนักการตลาดที่ให้ “พลังความคิด” สนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้วิกฤติอุทกภัยนี้ เป็นโอกาสในการวางแผนรับมือเชิงรุกก่อนใคร  อาจารย์ธีรพล แซ่ตั้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลมาร์เก็ตติ้ง สแทร็จทริจี คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาดเผยหมัดเด็ดที่น่าจะช่วยให้เอสเอ็มอีอยู่รอด โดยผันตัวเองให้เป็น ผู้เริ่ม อย่ารอ

เพราะหลังจากนี้ไม่ใช่เวลานั่งรอออเดอร์อีกต่อไปแล้ว ผู้ประกอบการรับจ้างผลิต ต้องมองหาจ๊อบเสริม ด้วยการรับออกแบบสินค้า หรือหาทีมงานที่สามารถโทรติดต่อคู่ค้า และลูกค้า เพื่อสอบถามเรื่องต่างๆ เสนอบริการที่จะช่วยเขาได้ นี่เป็นอีกวิธีที่จะช่วยทำให้เอสเอ็มอีและคู่ค้ามีความสัมพันธ์ที่ดี มองให้ครบ 360 องศาครับ และหลังจากนี้เอสเอ็มอีควรเตรียมเงินทุนสำรองเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันวิกฤติที่คาดไม่ถึงในอนาคต

 

และสำหรับธุรกิจที่น่าจับตาหลังน้ำท่วมคือธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร เพราะช่วงน้ำท่วมมีกระแสออกมาค่อนข้างเยอะว่าให้ระวังการบริโภคปลาน้ำจืดหรือกุ้งเลี้ยงเป็นต้น ดังนั้นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาจดึงจุดขายในเรื่องของความสะอาดปลอดภัย (Food Safety) มาเล่นมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค หรืออีกธุรกิจสำคัญที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก คือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์
 

โดยหลังน้ำลดอาจมีการเล่นในเรื่อง “นวัตกรรม” ของระบบความปลอดภัย ระบบระบายน้ำภายในหมู่บ้าน หรืออาคาร หรือธุรกิจที่มีการอ้างอิงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้เพิ่มขึ้น เวลานี้ในมุมของการตลาด ใครที่สามารถหาจุดขายได้เร็ว และพูดออกมาก่อน ถือว่าได้เปรียบครับ 

 

จากที่ผมได้พูดคุยมา ผมอยากให้ทุกคนมองว่าสถานการณ์เลวร้ายไม่ได้มีแต่ด้านลบนะครับ เพราะเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เราได้เห็นสังคมอีกมุมหนึ่ง ทำให้เรามีโอกาสดูแล และแสดงความพยายามในการหาเครื่องมือต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันก็ทำให้เอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการสามารถเตรียมคู่มือเพื่อรับมือวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการหาแหล่งผลิตวัตถุดิบ หรือสินค้าหลายๆแห่งเพื่อสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน หรือกระจายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายออกไปในภูมิภาคต่างๆ ให้มากกว่าเดิม

 

ไม่ว่ากระแสน้ำจะถาโถมมากมายสักเพียงไร หรือกระแสวิกฤติใดๆ ที่กำลังจะก่อตัวขึ้นเป็นอุปสรรคของเอสเอ็มอี ผมมั่นใจใน “พลังเอสเอ็มอีไทย” ที่พร้อมจะยืนหยัดและสร้างสรรค์สิ่งดีๆที่แตกต่างได้ไม่รู้จบ เหมือนอย่างที่   ทีเอ็มบีเชื่อว่าพลังในตัวคุณสามารถเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ เพราะทุกคนมีพลังที่จะสร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์และมีคุณค่าให้แก่ตัวเองและสังคมเสมอ ขอให้คุณสู้ เพราะคุณคือพลังสำคัญของประเทศไทยครับ