ในยุคนี้บอกเลยว่าหากผู้ประกอบกิจการต่าง ๆ ไม่ปรับตัวให้เท่าทันโลกก็คงจะเอาชีวิตรอดกันยาก เพราะทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการแข่งขันอย่างดุเดือดจากผู้ประกอบการอื่น ๆ ส่งผลให้แผนเดิมของแต่ละบริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนวางโครงสร้างใหม่
 

โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่ต้องปรับตัวค่อนข้างมาก เนื่องจากมีธุรกิจเดลิเวอรี่ที่กำลังเติบโตขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริโภคให้แก่ลูกค้า ทำให้การที่ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานในร้านอาหารแบบเดิม ๆ อาจจะน้อยลง ซึ่งก็แน่นอนว่าร้านอาหารก็ต้องทยอยปรับลดทั้งพนักงานและสาขาเพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาคุณผู้อ่านไปดูว่าพิซซ่าฮัท พิซซ่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ตั้งแบรนด์มานานกว่า 61 ปี จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างไรเพื่อให้อยู่รอดในยุคนี้

ทางพิซซ่าฮัทวางแผนที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ จากเดิมที่เคยเปิดเป็นร้านอาหารที่ให้ลูกค้ามานั่งทานในร้าน กลายเป็นระบบเดลิเวอรี่หรือซื้อกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าจะประหยัดต้นทุนมากกว่า

 

กลยุทธ์นี้จึงส่งผลให้ร้านพิซซ่าฮัททยอยปิดตัวลงแล้วจะเลือกสถานที่สำคัญ ๆ ในอเมริกาที่จะให้บริการแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน

ภาพจาก bit.ly/31a2srz

 

ยอดขายสาขาเดิมในสหรัฐอเมริกาของ Pizza Hut เพิ่มขึ้น 2% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกรรม ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบปีกว่า แต่ผู้บริหาร Yum กล่าวว่า ยอดขายสาขาเดิมคาดว่าจะ "ขาด ๆ หาย ๆ เราเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิมที่ยอดขายสาขาเดิมในสหรัฐจะยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่ต้องเปลี่ยนฐานสินทรัพย์” นายเกร็ก ครีด ซีอีโอกล่าว

 

ทาง Yum ได้สังเกตว่า ในไตรมาสที่ผ่านมาว่า ที่ตั้งของ Pizza Hut แสดงให้เห็นถึงปัญหา เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนการทานแบบเดิมเป็นแบบซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่มากขึ้น

 

บริษัทได้ทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อแปลงสินทรัพย์ของบริษัทให้กลายเป็นแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้บริหารกล่าวว่า พวกเขาวางแผนที่จะพึ่งพาแฟรนไชส์เพื่อแปลงสินทรัพย์เหล่านั้นให้เร็วขึ้น

ภาพจาก bit.ly/2YCpXfk

 

“เราวางแผนที่จะพึ่งพาแฟรนไชส์เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงของอสังหาริมทรัพย์  Pizza Hut U.S. ในสหรัฐอเมริกาไปสู่ส่งแบบเดลิเวอรี่ที่ทันสมัยและฐานสินทรัพย์ที่มุ่งเน้นไปที่การดำเนินการนี้” Creed กล่าว “ สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์พิซซ่าฮัทได้เติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา”

 

ผู้บริหารกล่าวว่า “ผลกระทบทางการเงินระยะสั้นน่าจะน้อยที่สุด” เนื่องจากร้านอาหารมีปริมาณลดลง และมียอดขายโดยรวมที่ลดลง พวกเขายังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลด “ช่องว่าง” ระหว่างที่ร้านอาหารปิดและที่กำลังจะเปิดร้านใหม่

ภาพจาก bit.ly/2MAqOae

 

สำหรับยุคใหม่ แบรนด์ยักษ์ใหญ่แค่ไหนก็ต้องปรับตัว ขนาดแบรนด์แฟรนไชส์พิซซ่าฮัทยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกายังต้องปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย หากรับมือไม่ทันอาจจะโดนกระแสของยุคดิจิตอลและการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ ถาโถม หากไม่วางแผนให้ดีก็อาจจะถูกคลื่นใหญ่ซัดจนพังไม่เป็นท่าได้ ดังนั้น www.ThaiFranchiseCenter.com ก็เห็นว่านอกจากจะต้องวางแผนธุรกิจให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคแล้ว ก็ต้องพัฒนา ต่อยอดไอเดียใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอเพื่อที่จะได้รับมือกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท้วงที

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน