ต้องยอมรับว่าในช่วง 2-3 ปีมานี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงปีทองของธุรกิจ Delivery Service อย่างแท้จริง จากปัจจัยต่างๆ ที่เอื้ออำนวยให้ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด e-commerce B2C พฤติกรรมผู้บริโภคยุคออนไลน์ หรือ เทรนด์เทคโนโลยีที่ทำให้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ฉลาดและตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้ได้ดีขึ้น*

 

ในวงการธุรกิจอาหารเอง ก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ไปไม่น้อย ธุรกิจ Delivery Service เริ่มเข้ามาให้บริการจัดส่งอาหารมากขึ้นด้วย demand ของผู้บริโภคนั้นมีมาก ตลาดมีขนาดใหญ่ เรียกได้ว่า เมื่อผู้บริโภคขี้เกียจ Food Delivery ก็เติบโตมากขึ้นเท่านั้น

 

ปัจจุบัน App Food Delivery ในเมืองไทยที่ได้รับความนิยม และมีผู้คนพูดถึงบ่อยครั้ง ก็มีจะมีอยู่ 3 แพลตฟอร์มจัดส่งอาหารที่เป็นคู่แข่งขันกันในตลาด ได้แก่ LINE MAN – GRAB FOOD – GET FOOD ซึ่งทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้มีกลุ่มลูกค้าที่เหมือนและแตกต่างกัน ใครให้บริการแบบไหน วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอและเปรียบเทียบกันให้ทราบ 

 

ภาพจาก bit.ly/2kEmMSv

LINE MAN หลายคนเห็นราคารวมแล้วน่าจะมีช็อก เพราะสูงกว่าอีก 2 แอปมาก นั่นก็เป็นเพราะค่าจัดส่งที่มีคิดค่าส่งขั้นต่ำ 55 บาท ซึ่งได้ระยะทางเพียง 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้น ส่วนกิโลถัดไปคิดที่ 9 บาทต่อกิโล ตามระยะทาง แถมถ้าสั่งในช่วงเวลาพิเศษ LINE MAN ยังมีการบวกค่าจัดส่งเพิ่ม 30-100 บาท ก็จะแพงยิ่งๆขึ้นไปอีก แต่ข้อดีคือราคาจะคิดตามจริงไม่มีบวกเพิ่ม

ภาพจาก bit.ly/2m9hRcE

ปัจจุบัน LINE MAN มีร้านอาหารให้เลือกมากกว่า 47,000 ร้านค้าทั่วกรุงเทพ ตั้งแต่ร้านอาหารชื่อดังยันสตรีทฟู้ดที่เป็นรถเข็น ลูกค้าสามารถเลือกทานได้ตามความต้องการ และยังได้รับการการันตีจาก Wongnai ที่ขึ้นชื่อด้านอาหารว่าร้านนี้อร่อยจริง ถ้าทานร้านนี้ลูกค้าจะได้อาหารแบบในโฆษณาแน่ แถมสามารถสั่งอาหารจากในเว็บหรือแอป Wongnai ได้ด้วย

 

ภาพจาก bit.ly/2m970PX

 

GRAB FOOD แม้ว่าภาพรวมจะมีราคารวมถูกกว่าแอปพลิเคชั่นอื่นๆ แต่หากดูรายละเอียดทั้งหมด จะพบว่าราคาอาหารจะสูงกว่าแอปพลิเคชั่นอื่นประมาณตั้งแต่ 10-25 บาท ส่วนที่หลายคนมองว่ามันถูกกว่า ก็คือ ราคาค่าส่งที่คิดคงที่เพียง 10 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากการที่ Grab Food ได้มีโปรโมชั่นลดราคาอาหารบางเมนู หรือบางร้านค้าออกมาเรื่อยๆ จึงทำให้ราคารวมทั้งหมดถูกกว่า หรือเทียบเท่ากับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ได้ โดยปัจจุบันมีเครือข่ายร้านอาหารกว่า 20,000 ร้านค้า 

ภาพจาก bit.ly/2ma7cP3

 

สำหรับวิธีการเข้ามาสร้างฐานของลูกค้าของ Grab Food ในช่วงเริ่นต้นก็คือ เริ่มต้นด้วยการสร้างประสบการณ์ในการใช้งาน ด้วยบริการส่งฟรี ให้กับลูกค้าที่สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่น โดยสามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ มีเครือข่าย 20,000 ร้านค้า 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ GRAB เพิ่มร้าน Thai SELECT และร้านอาหารธุรกิจแฟรนไชส์ ผ่าน Grab Food
ภาพจาก bit.ly/2lHbEV2

 

เมื่อมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในระดับหนึ่งจึงได้เก็บค่าบริการ 10 บาท ซึ่งถือว่าเป็นค่าบริการที่ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับ Line Man ที่มีค่าบริการเริ่มต้นที่ 55 บาท นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญโค้ดส่วนลดต่างๆ เช่น ฟรีค่าส่ง และส่วนลดเพิ่มเมื่อสั่งอาหารรวมเป็นเงินค่าอาหารตามที่กำหนด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าที่ต้องการส่วนลด ยอมที่จะกดสั่งอาหารเพิ่ม เพื่อค่าอาหารที่ถูกลง

 

ภาพจาก bit.ly/2m8eR0a

 

GET FOOD เป็นแอปพลิเคชั่นกลางๆ ราคารวมจะไม่ได้แพงหรือถูก เนื่องจากไม่ได้มีโปรโมชั่นลดราคา และมีค่าจัดส่งเริ่มต้นที่ 10 บาท เท่ากับแอปพลิเคชั่น Grab Food ส่วนราคาอาหารก็ตามจริงเท่ากับ LINE MAN 

 

ราคารวมจึงน่าจะเป็นที่พอใจของหลายๆ คน โดยเฉพาะถ้าร้านไหนที่ไม่ได้มีโปรโมชั่น เผลอๆ GET Food ก็น่าจะถูกกว่าใช้ Grab Food สั่งเสียอีก ด้วยราคาส่งที่ถูกและราคาสินค้าที่ตรงกับหน้าร้าน

ภาพจาก bit.ly/2lI7sV0

 

Get Food เข้ามาเปิดตัวในไทยเมื่อกุมภาพันธ์ 2562 โดยการเข้ามาทำตลาดของ Get Food ใช้ Business Model คล้ายๆ กับ Grab Food คือ การฟรีค่าส่งอาหารในช่วงเปิดตัว ก่อนที่จะคิดค่าบริการเหมา 10 บาท ในระยะทาง 5 กิโลเมตร 

ภาพจาก bit.ly/2m8dD51

 

พร้อมกับการสร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ว่า Get มีบริการ Food Delivery เช่นเดียวกับคู่แข่งรายอื่น จุดที่น่าสนใจของ Get คือ ในปัจจุบันค่าอาหารใน Get Food ยังมีราคาตรงปก เท่ากับสั่งซื้อที่หน้าร้าน ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเลือกที่จะสั่งผ่าน Get Food แทนคู่แข่ง เพราะค่าอาหารที่ถูกกว่า เป็นต้น

 

ภาพจาก bit.ly/2lLN5Go

 

หากถามโดยรวมแล้ว แอปพลิเคชั่นไหนที่น่าใช้ที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ Grab Food โดยเฉพาะถ้าใครเป็นสายล่าโปรโมชั่น ยิ่งคุ้มสุดๆ แต่ถ้าใครสั่งเยอะๆ แนะนำ GET Food ดีกว่า เพราะค่าส่งถูกแถมไม่บวกราคาเพิ่มจากหน้าร้าน ส่วน LINE MAN มีร้านอาหารให้เลือกหลากหลาหลาย ราคาอาหารไม่บวกเพิ่มแต่ค่าส่งแพงมาก เผลอๆ ค่าส่งแพงกว่าค่าอาหารเสียอีก

 

ทั้งศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า Food Delivery ไทย ตั้งแต่ปี 2557-2561 ที่มีการขยายตัวเฉลี่ย 11% ต่อปี และในปี 2562 น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3.3-3.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าธุรกิจ Food Delivery จะยังคงสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้อีก 2-3 ปี

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)