โดยจากการรายงานได้ระบุว่าบุคคลที่เป็น ' Millennial Millionaires ' และประชากรวัยหนุ่มสาวที่ร่ำรวยนับพันคน ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นคนที่เกิดระหว่างปี 1982 - 1996 หรืออายุระหว่าง 23 - 37 ปี ที่มีทรัพย์สินรวมกันเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนราว 618,000 คน 
 

ภาพจาก https://cnb.cx/2OXa8uw

จากการศึกษาของ Coldwell Banker Global Luxury และ Wealth Engine บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุว่า มีอยู่ประมาณ 44% ของเศรษฐีพันล้านที่อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นรัฐทองคำที่มีจำนวนเจ้าของธุรกิจมากถึง 23% และมีจำนวนนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์สูงที่สุด

ขณะที่อันดับ 2 คือนิวยอร์ก ที่มีประชากรเศรษฐีหนุ่มสาวกว่า 14% โดยนิวยอร์กจะมีสัดส่วนเศรษฐีหนุ่มสาวอยู่ที่ประมาณ 14% , ฟลอริด้า 5% ,แมสซาชูเซตส์ 5%  และเท็กซัส 5% ตามลำดับ โดยสัดส่วนเหล่านี้จะเป็นสัดส่วนที่มี Millennial Millionaires มากที่สุด 

ภาพจาก https://cnb.cx/2OXa8uw

 

โดย Coldwell Banker Real Estate LLC ก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า ภายในปี 2030 ก็อาจจะมีสัดส่วนเศรษฐีเพิ่มอีก 5 เท่าในปัจจุบัน คาดว่าอาจจะได้รับมรดกจากเศรษฐีรุ่นก่อนมากกว่า 68  ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,058 ล้านล้านบาท) หรือที่เรียกว่าการถ่ายโอนอภิมหาความมั่งคั่ง ซึ่งหมายถึงการส่งต่อทรัพย์สินนับล้านล้านดอลลาร์จากบรรดาพ่อแม่มหาเศรษฐีในยุคก่อนหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์
 

โดยยุคของคนที่ร่ำรวยที่สุดในตอนนี้จะถูกเรียกว่า “Baby Boomer” ซึ่งหมายถึง คนที่เกิดในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1940 – 1960 ที่ซึ่งเป็นยุคหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในปัจจุบันก็คือ “กลุ่มผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยชรา” นั้นเอง แต่บางครั้งก็อาจจะเรียก Baby Boomer ว่า Generation B หรือ Gen B ก็ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะอาศัยอยู่ใน แคลิฟอร์เนียหรือนิวยอร์ก ด้วยความมั่นคงสุทธิถึง 1 – 2.5 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งจะอยู่บนพื้นที่ Silicon Valley ซึ่งเป็นพื้นที่ในอ่าวซานฟรานซิสโก ในประเทศสหรัฐอเมริกา และอาจมีเพียงแค่ 15% เท่านั้นที่พวกเขาเหล่านี้จะมีธุรกิจเป็นของตนเอง 
 

ภาพจาก bit.ly/31oUJ94

 

อย่างไรก็ตาม เขตพื้นที่เมืองที่เศรษฐีหนุ่มสาวเหล่านี้นิยมตั้งรกรากมากที่สุดกลับไม่ใช่เมืองในแคลิฟอร์เนียหรือนิวยอร์ก แต่เป็นเมืองทราเวิร์สซิตี้ ในรัฐมิชิแกน เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมติดทะเลสาบมิชิแกน โดยจะมีราคาบ้านหรูนั้นเริ่มต้นเพียงแค่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับ Silicon Valley ที่ตอนนี้ราคาบ้านหรูทั่วไปเริ่มต้นที่ราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจากการรายงานระบุว่า “ในแง่ของที่ทำเลที่ดีทำให้เหล่าบรรดาเศรษฐีหนุ่มสาวนิยมตลาดที่มีกำลังซื้อมากกว่า ซึ่งมักจะเป็นย่านชานเมืองหรือเมืองชั้นสอง ที่ซึ่งเงินของพวกเขาจะงอกเงยจนมั่งคั่งขึ้นไปอีก” 

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document

เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

 

ที่มา :

https://cnb.cx/2OXa8uw