บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    Startups    แอพพลิเคชั่นและซอฟต์แวร์
3.8K
3 นาที
26 พฤศจิกายน 2562
ต้องดู! เทคนิคขี่ app Delivery ให้ได้ 4 หมื่นต่อเดือน
 

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจ delivery service จากปัจจัยต่างๆ ที่เอื้ออำนวยให้ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด e-commerce B2C พฤติกรรมผู้บริโภคยุคออนไลน์ หรือ เทรนด์เทคโนโลยีที่ทำให้แอพต่างๆ ฉลาดและตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้ได้ดีขึ้น Food Delivery จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตสดใส และปัจจุบัน

www.ThaiFranchiseCenter.com เห็นว่ามีหลายค่ายธุรกิจที่หันมาเอาดีด้านนี้ก่อให้เกิดตัวเลือกทั้งในส่วนของร้านค้าร้านอาหาร รวมถึงคนที่สนใจอยากมีรายได้เพิ่ม ซึ่งหลายคนก็เลือกสมัคร Food Delivery ซึ่งแน่นอนว่าอาชีพนี้ก็ต้องมีเทคนิคที่ดีเพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
 
มูลค่าตลาด Food Delivery
 
ภาพจาก bit.ly/37EwY0Q

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ธุรกิจ Food Delivery ในปี 2562 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 33,000 – 35,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องราวร้อยละ 14 จากปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8 ของมูลค่าธุรกิจร้านอาหารของประเทศไทยในปี 2562
 
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่าแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร อาจมีส่วนช่วยให้มูลค่าของธุรกิจ Food Delivery มีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคในการเดินทางไปยังร้านอาหารมาเป็นค่าจัดส่งสินค้า ซึ่งรายได้ส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้นยังได้กระจายตัวไปยังผู้เล่นต่างๆในห่วงโซ่ธุรกิจ

ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างที่เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับตัวเอง หรือจะเป็นร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลางที่สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้ในการขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องเพิ่มทรัพยากรเงินทุนและแรงงานในส่วนของระบบขนส่งเอง ทำให้อาจมียอดขายเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของฐานลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งอาจมีส่วนแบ่งของรายได้มูลค่าประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท
 
ซึ่งปัจจุบันมี Food Delivery หลากหลายค่ายให้ร้านอาหารได้เลือกเข้าร่วมหรือแม้แต่คนที่อยากมีรายได้เองก็สามารถเลือก Food Delivery เหล่านี้ได้ตามต้องการ ในที่นี้เราลองยกตัวอย่างของ Food Delivery ที่น่าสนใจมาให้ดู 5 แบรนด์ด้วยกันคือ
 
1.GrabFood

ภาพจาก bit.ly/2DeKQAZ
 
รายได้จากค่าส่ง GrabFood แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
  • ค่าบริการส่งอาหาร 50 บาทต่อครั้ง  (หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 42.50 บาท)  
  • ค่าส่งที่เก็บเงินสดจากลูกค้า 10 บาทต่อครั้ง (หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 8.50 บาท)
  • ค่าส่งเพิ่มเติมตามระยะทาง 10 บาทต่อกิโลเมตร (มากกว่า 6 กิโลเมตร)  (หักค่าคอมมิชชั่น 15%)
2.LINE MAN และ LALAMOVE
 
ภาพจาก bit.ly/2DgfbPL
 
สัดส่วนของรายได้แบ่งเป็น    
  • ค่าบริการส่งอาหารเริ่มต้น 55 บาทต่อครั้ง (หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 46.75 บาท)  
  • ค่าส่งเพิ่มเติม 9 บาทต่อกิโลเมตร หากระยะทาง 1 กิโลเมตรขึ้นไป (หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 7.65 บาท)  
  • บริการช่วงนอกเวลาทำการตั้งแต่ 21.00-22.59 น.ได้เพิ่ม 50 บาท(หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 42.5 บาท)  
  • บริการช่วงนอกเวลาทำการ ตั้งแต่ 23.00-06.00 น.ได้เพิ่ม 100 บาท(หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 85 บาท) 
3.Foodpanda
 
ภาพจาก  https://bit.ly/35p8FSO

รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 100 บาทต่อชั่วโมง (หักภาษี ณ ที่จ่าย 3%) และมีโอกาสสร้างรายได้สูงถึง 36,000 บาทต่อเดือน
 
4.GET Driver
 
ภาพจาก https://bit.ly/33n9vhD

ขึ้นอยู่กับระยะทาง ช่วงเวลา สภาพจราจร และความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลานั้น ๆ โดยเฉลี่ยผู้ขับขี่จะมีรายได้เดือนละ 15,000-25,000 บาท
 
5.Skootar
 
ภาพจาก bit.ly/35wnW47

รายได้ต่อเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 55-200 บาท (หักภาษี ณ ที่จ่าย 3%)
 
นอกจาก 5 แบรนด์ดังกล่าวนี้ก็ยังมีผู้เล่นอีกหลายค่ายที่มีจุดดีจุดแข็งและผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป ซึ่งการมีคู่แข่งจำนวนมากในวงการนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “จะมีเทคนิคแบบไหนใช้สร้างรายได้มากขึ้นในการขับ Food Delivery”
 
เทคนิคการขับ Food Delivery ให้มีรายได้มากขึ้น
1.มอเตอร์ไซด์ต้องเครื่องยนต์ดี
 
ภาพจาก www.facebook.com/getthailandofficial/

ยานพาหนะในการขับ Food Delivery ก็คือ “มอเตอร์ไซด์” เพราะสามารถวิ่งตามตรอกซอกซอย ลุยรถติดได้ดีที่สุด ดังนั้นหากมอเตอร์ไซด์ของเราประเภทเครื่องยนต์สามวันดีสี่วันพัง วิ่งไปเครื่องดับ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด แบบนี้ไม่สามารถสร้างรายได้จาก Food Delivery ได้ดีแน่ และข้อกำหนดของ Food Delivery แต่ละแห่งก็ไม่เหมือนกัน บางที่กำหนดว่าเราต้องวิ่งได้ระยะทางเท่าไหร่จึงจะมีรายได้ดี ซึ่งหากมอเตอร์ไซด์เราไม่ดีจริงรายได้ที่ดีก็หมดหวังเช่นกัน

2.โปรโมชั่นขั้นเทพในโทรศัพท์
 
หมายถึงสัญญาณอินเตอร์เนทที่ต้องแรงจริง คนที่จะมีรายได้จาก Food Delivery อย่าขี้เหนียวกับเรื่องโปรโมชั่นของโทรศัพท์ที่ใช้ เรื่องนี้สำคัญมากเพราะการจ่ายเงินบางค่ายเขาก็ยิงตรงมาที่คนขับ Food Delivery รวมถึงการใช้สัญญาณอินเทอร์เนทในการหาพิกัดลูกค้า ร้านค้า ต่างๆ หากเป็นโปรเนทราคาถูกๆ งานนี้มีสะดุดแน่

3.โทรศัพท์ก็ต้องดีด้วย
 
ภาพจาก bit.ly/33f89oU

สัมพันธ์กับสัญญาณอินเทอร์เนทคือ โทรศัพท์ที่ต้องลงทุนเลือกรุ่นที่มันสามารถโหลดแอปจำเป็นที่ใช้ในงานมาไว้ในเครื่องได้ และจะต้องมีการอัพเดทโปรแกรมเหล่านี้อย่างต่อเนื่องให้ทันสมัยตลอดเวลา เวลารับงานจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่มานั่งปวดหัวกับปัญหาเรื่องเทคโนโลยี

4.ชำนาญเรื่องการขับและรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี
 
Food Delivery เป็นการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา เพื่ออาหารจะได้ไม่เสียคุณค่า และลูกค้าจะได้รับสินค้าได้ในเวลาที่กำหนด การที่คนขับ Food Delivery รู้จักเส้นทางในการวิ่งรถเป็นอย่างดีจะทำให้ไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น เมื่อลูกค้าประทับใจก็จะมีการรายงานผลที่ดีทำให้เรามีประวัติที่ดีและมีโอกาสรับลูกค้าได้มากขึ้นด้วย

5.เลือกโซนรับงานที่ไม่ไกลจนเกินไป

 
ภาพจาก bit.ly/2qOrQGO

การเลือกโซนรับงานก็มีความสำคัญมากถ้าเราวิ่งจากจุดหนึ่งไปส่งของให้ลูกค้าอีกจุดหนึ่งซึ่งไกลมาก ไหนจะเสียทั้งค่าน้ำมัน ค่าสึกเหรอรถ และยังเสียเวลา หากเราเลือกช่วงเวลาในการทำงานและโซนพื้นที่ที่ดีจะทำให้รับงานได้มากขึ้น ประหยัดต้นทุนตัวเองมากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และค่าย Food Delivery แต่ละแห่งที่จะมีข้อกำหนดในการรับงานที่แตกต่างกันด้วย
 
อย่างไรก็ดีเทคนิคการขับ Food Delivery เพื่อให้มีรายได้ที่ดีเราต้องเริ่มจากการเลือกค่ายที่เราเห็นว่าเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด บางแห่งเป็นลักษณะงานประจำมีเงินเดือนให้ บางแห่งเป็นลักษณะยิงงานใส่ผู้สมัครและให้วิ่งทำรอบ บางแห่งก็รับงานแบบเคสบายเคส ค่าจ้างของแต่ละงานก็แตกต่างกันไป และเราต้องดูในส่วนของการหักส่วนต่างที่ต้องเหมาะสมกับต้นทุนของตัวเราเองเพื่อจะได้ไม่เหนื่อยเปล่า การขับ Food Delivery จะได้มีกำไรตามที่ตั้งใจ
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/2DayERX
 
พูดถึงการเดินทางในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร หลายคนคงเบ้ปากกับระบบขนส่งมวลชนที่ยังมีคุณภาพไม่มากพอทั้งปริมาณรถเมล์ คุณภาพในการบริการ ปัญหาการจราจรติดขัด..
56months ago   3,064  6 นาที
หลายปีที่ผ่านมาคนไทยรู้จักกับ Grab ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ ที่ให้บริการเรียกรถ, แท็กซี่, วินมอเตอร์ไซค์, ส่งพัสดุ และ สั่งอาหาร ผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งให้บริการในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทย Grab  ..
57months ago   5,788  6 นาที
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
791
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
709
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
640
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
521
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
432
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
420
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด