บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.9K
2 นาที
10 เมษายน 2563
ช่วยคนเร่ร่อนให้รอดพ้นจากโควิด-19 ด้วย
 
ภาพจาก bit.ly/2JT38eD

คนเร่ร่อนเป็นกลุ่มคนที่อ่อนไหวที่สุดกลุ่มหนึ่งต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถ้าไม่ดูแลให้ดี อาจเสี่ยงติดเชื้อไปถึงคนอื่นในกรุงเทพมหานครด้วย
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะประธานมูลนิธิอิสรชนที่ให้การช่วยเหลือคนเร่ร่อนกล่าวว่า ณ ปี 2562 พบผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะหรือคนเร่ร่อน 4,392 คน คาดว่าอาจมีผู้ติดเชื้อ 0.66% หรือประมาณ 29 ราย  อย่างไรก็ตามยังไม่มีการพบผู้ติดเชื้อเลย ทั้งนี้คงเพราะไม่มีการตรวจที่แน่ชัด  อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่พบผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่แสดงอาการป่วยหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 ในเวลานี้

การประมาณการนี้มาจากผลการตรวจไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทย ปรากฏว่ามีการตรวจแล้ว 71,860 ราย พบผู้ติดเชื้อ 2,369 ราย หรือราว 3.3% ของทั้งหมด ตัวเลขนี้อาจดูสูงผิดปกติ เนื่องจากผู้ที่ไปตรวจอาจมีอาการหรือต้องสงสัย ดังนั้นในกรณีประชาชนทั่วไป อาจประมาณที่เพียง 10% ของอัตราผู้ติดเชื้อ ที่ 3.3% หรือเพียง 0.33%  อย่างไรก็ตามในกรณีคนเร่ร่อน อาจอนุมานให้มากกว่าอัตราปกติของบุคคลทั่วไป 1 เท่า หรือประมาณ 0.66% ของทั้งหมด

ภาพจาก bit.ly/2JT38eD
 
กรุงเทพมหานครและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ควรจัดทำเต็นท์ให้คนเร่ร่อนพักอยู่บริเวณสนามหลวงเป็นการชั่วคราว เพื่อคัดกรอง ตรวจเชื้อ จนกว่ากระแสข่าวเรื่องโรคไวรัสนี้จะทะเลาลง  สำหรับค่าใช้จ่ายนั้น คาดว่าจะเป็นเงินคนละ 100 บาทต่อวัน รวมค่าดำเนินการอีก 100 บาทต่อวัน รวมเป็นเงิน 200 บาทต่อวัน สำหรับคนเร่ร่อนในบริเวณดังกล่าวจำนวนประมาณ 800 คน เป็นระยะเวลา 3 เดือน รวมเป็นเงิน 14.4 ล้าน หากรวมค่าเต็นท์และอุปกรณ์ต่างๆ ก็คงไม่เกิน 20 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณเพียงเท่านี้
 
มูลนิธิอิสรชนจัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะทุกวันอังคารเวลา 18:00 น. ท่านผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมบริจาคได้ที่ คุณนงลักษณ์ โทร. 02.295.3905 ต่อ 109
 
สถานการณ์คนเร่ร่อนในเขตกรุงเทพมหานคร
 

จำนวนคนเร่ร่อนอยู่ทั้งหมด 4,392 คนเฉพาะในกรุงเทพมหานครในปี 2562 นี้ เพิ่มขึ้นกว่าปี  2561 ประมาณ 10%  อันที่จริง  อัตราเพิ่มของจำนวนคนเร่ร่อนค่อนข้างน้อยในช่วงปี 2556-2559 คือเพิ่มขึ้นประมาณ 2.8% - 3.5% เท่านั้น  แต่หลังจากปี 2560 เป็นต้นมา ปรากฏว่าอัตราเพิ่มของคนเร่ร่อน เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเป็น 5.1%, 10% และ 10% โดยตลอด กรณีนี้แสดงว่าในช่วง 3 ปีหลังที่ผ่านมา  เศรษฐกิจของประเทศไทยถดถอยลง ไม่ได้ดีตามตัวเลขที่เป็นทางการ  จึงทำให้คนเร่ร่อนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นเด่นชัด
 
รายได้ต่อครัวเรือนต่อเดือนในกรุงเทพมหานครในปี 2556 อยู่ที่ 49,191 บาท เทียบกับรายได้ในปี 2561 ที่ 45,779 บาทนั้น ปรากฏว่าลดลงประมาณ 7% ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจที่รายได้ของครัวเรือนแทนที่จะเพิ่มขึ้น แต่กลับลดต่ำลงไปกว่าเดิมอีก และยิ่งเมื่อนำตัวเลขเงินเฟ้อของกรุงเทพมหานครมาปรับค่าเงิน จะพบว่า รายได้ต่อครัวเรือนต่อเดือนในปี 2561 ลดลงเป็นเงิน 33,060 บาท ในขณะที่รายได้ปี 2556 เป็นเงิน 36,549 บาท ตามราคาคงที่ปี 2545 ซึ่งเท่ากับรายได้สุทธิลดลงถึง 10% (เมื่อหักเงินเฟ้อแล้ว) (https://bit.ly/2WCX2n3)
 
อย่างไรก็ตามจำนวนคนเร่ร่อนในกรุงเทพมหานครยังน้อยกว่าอีกหลายประเทศ เช่น นครนิวยอร์ก มีประชากร 8.5 ล้านคน แต่มีคนเร่ร่อนถึง 63,000 คน หรืออาจากล่าวได้ว่ามีคนเร่ร่อน 1 คนในจำนวนประชากร 135 คน (https://bit.ly/2J7lAkh) แต่สำหรับในกรุงเทพมหานคร มีประชากร 5.7 ล้านคน (https://bit.ly/2gKl52e) มีคนเร่ร่อน 4,392 คน หรือจะพบคนเร่ร่อน 1 คนจากประชากร 1,298 คน ซึ่งยังนับว่าน้อยมาก

ในขณะที่ ณ ปี 2562 มีคนเร่ร่อนอยู่ 4,392 คน ในช่วงปี 2556-2562 อัตราเพิ่มของประชากรคนเร่ร่อนอยู่ที่ 5.75% โดยเฉลี่ย หากใช้อัตรานี้เป็นเกณฑ์ พอถึงปี 2575 หรือในอีก 13 ปีข้างหน้าซึ่งเป็นปีแห่งการครบรอบร้อยปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย จำนวนคนเร่ร่อนน่าจะสูงถึง 9,085 คน หรือเท่ากับเพิ่มขึ้น 2.07 เท่าจากตัวเลขปัจจุบัน  แม้ตัวเลขจะไม่มากนัก  แต่สิ่งที่พึงตระหนักก็คือ จำนวนการเพิ่มขึ้นของคนเร่ร่อนน่าจะสูงกว่านี้ แต่อัตราเพิ่มสุทธิอาจไม่เปลี่ยนมาก เพราะอายุขัยของคนเร่ร่อนค่อนข้างสั้น จึงมีจำนวนคนเร่ร่อนตายจากไปมากเป็นพิเศษ
 
อย่างไรก็ตาม โดยที่จำนวนคนเร่ร่อนเพิ่มสูงขึ้นมากในรอบ 3 ปีล่าสุดที่ผ่านมาโดยเฉพาะในช่วง 2 ปีหลังเพิ่มขึ้นถึง 10% ต่อปี  มีความเป็นไปได้ที่ปี 2563 อัตราเพิ่มของคนเร่ร่อนอาจมากกว่า 10% ก็เป็นได้โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ดีเท่าที่ควร และก็มีแนวโน้มว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะต่ำมากในปี 2562 และ 2563 ดังนั้นจำนวนคนเร่ร่อนจึงน่าจะเพิ่มขึ้น

หากใช้ค่าเฉลี่ยของอัตราเพิ่มในรอบ 3 ปีหลัง ณ ค่าเฉลี่ย 8.33% มาปรับใช้กับสำหรับในอีก 13 ปีข้างหน้า คือปี 2575 ซึ่งเป็นปีครบรอยปีคณะราษฎร  จำนวนคนเร่ร่อนก็น่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 12,420 คน ในขณะนั้นจำนวนประชากรกรุงเทพมหานครอาจเพิ่มขึ้นเป็น 6.45 ล้านคน (ณ อัตราเพิ่มที่ 1% ต่อปี) ก็จะทำให้สัดส่วนคนเร่ร่อนเป็นทุก 1 คนต่อประชากรกรุงเทพมหานคร 519 คน แทนที่จะเป็น 1 ต่อ 1,298 คนเช่นในปี 2562

ที่มา : https://bit.ly/2VfkKXa
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
421
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด