บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.4K
3 นาที
17 เมษายน 2563
สถานการณ์ “ค้าปลีกโลก” ไม่ล่มสลาย ก็ต้องมนต์สะกด 
 

การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเชนค้าปลีกทั่วโลก โดยเฉพาะเชนค้าปลีกในสหรัฐอเมริกา ทยอยปิดกิจการและสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตค้าปลีกโลกที่ถือเป็นประวัติการณ์ แต่พอก้าวสู่ต้นปี 2563 เชนค้าปลีกทั่วโลกก็ยิ่งระส่ำอย่างหนัก จากการระบาดของไวรัสคาวิด-19 ที่มีศูนย์กลางการระบาดจากประเทศจีน  
 
ทิศทางของธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกจะเป็นอย่างไร ท่ามกลางวิดฤตโควิด-19 วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลจะมานำเสนอให้ทราบ เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมความรับมือและปรับตัวให้เข้ากับปรากฏการณ์ในวันข้างหน้า 
 
ค้าปลีกอเมริกา...ยอดขายลด ยื่นล้มละลาย 
 
ภาพจาก bit.ly/3eriq8d

ก่อนจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ค้าปลีกทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการสั่งซื้อทางออนไลน์เพิ่มขึ้น จนทำให้ร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ต่างทยอยปิดกิจการและสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่พอเกิดวิกฤตโควิด-19 พบว่าการซื้อเครื่องแต่งกายและอื่นๆ ทางออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาลดลง แต่การซื้ออาหารและอาหารสดเพิ่มขึ้นแทน ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่กักตัวและทำงานจากที่บ้าน จึงทำให้การสั่งซื้ออาหารออนไลน์เพิ่มขึ้น   
 
ตัวเลขยอดค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม 2563 พบว่า ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายลดลงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกยอดขายในปี 2535 โดยลดลง 8.7% เนื่องจากประชากรสหรัฐมีคำสั่งกักตัวอยู่ในบ้านป้องกันการแพร่โควิด-19  
 
สำหรับหมวดค้าปลีกในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ยอดขายรถยนต์ลดลง 25.6% และยอดขายสถานีบริการน้ำมันลดลง 17.2% โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง และการใช้ยวดยานพาหนะบนถนนลดลง ขณะที่ ร้านอาหารและบาร์ ส่วนใหญ่ถูกบังคับให้หยุดกิจการชั่วคราว หรือเปิดให้บริการเฉพาะซื้อกลับไปทานบ้าน และเดลิเวอรี่ มีรายได้ลดลง 26.5%
 
ยอดขายเครื่องแต่งกายลดลง 50.5% และยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง 15.1% ในขณะที่ร้านขายของชำมียอดขายเพิ่มขึ้น 26.9% และร้านขายยาเพิ่มขึ้น 4.3% ยอดขายของร้านค้าปลีกออนไลน์ เช่น Amazon เพิ่มขึ้น 3.1%
 
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการค้าปลีกที่จะหดตัวที่อัตราร้อยละ 17 ต่อปีในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกในปี 2490 ไม่เพียงเท่านี้ ร้านค้าปลีกหลายๆ แบรนด์ในสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในขั้นตอนการยื่นล้มละลายในปี 2563 เช่นเดียวกัน 
 
ปิดเมือง...ค้าปลีกขาดทุนในอังกฤษ
 
ภาพจาก bit.ly/3ahpv8j

ในสหราชอาณาจักรช่วง 2 สัปดาห์แรกของการปิดเมือง ส่งผลให้ยอดค้าปลีกลดลง 27% จากข้อมูลที่รวบรวมโดย British Retail Consortium พบว่า ชาวอังกฤษส่วนใหญ่ถูกห้ามออกจากบ้าน และซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกอื่น นอกเหนือจากซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายยาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 รวมเป็นเวลา 14 วัน 
 
คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษ จะลดลง 35% ในไตรมาสแรกของเดือนมิถุนายน 2563 ตามรายงานของสำนักงานความรับผิดชอบด้านงบประมาณของอังกฤษ แม้ว่าผลผลิตประจำปีของประเทศจะฟื้นตัวหลังจากการปิดตัวลง แต่การลดลงของการเติบโตทางเศรษฐกิจ 13% ต่อปีจะยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วง 300 ปีมานี้ 
 
วิกฤตโควิด-19 ได้สร้างความเสียหายให้กลุ่มค้าปลีกที่ดิ้นรนมาก่อนหน้านี้ รวมถึง Debenhams และห้างเครื่องแต่งกาย Warehouse, Oasis, Cath Kidston และ Laura Ashley ก็เจอมรสุมในครั้งนี้ แต่มีรายงานข้อมูลเชิงบวกเพียงอย่างเดียวในอังกฤษ คือ ยอดขายสินค้าออนไลน์ นอกเหนือจากอาหาร ได้เพิ่มขึ้น 18.8% ในเดือนมีนาคม 2563 
 
โดยพบว่ายอดขายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริม, เกมกระดานและอุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการปรับเปลี่ยนเรียนที่บ้านและทำงานจากที่บ้าน ในทางตรงกันข้ามยอดขายสินค้าแฟชั่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเวลาเดียวกัน และมีรายงานว่า ยอดขายร้านค้าปลีกแบบหน้าร้านของอังกฤษ ลดลงร้อยละ 83.1 ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เมื่อเทียบกับช่วงวันหยุดเดียวกันของปีที่แล้ว
 
ค้าปลีกฝรั่งเศส ยอดขายจมดิ่ง
 
ภาพจาก bit.ly/2VemtgH

สำหรับยอดค้าปลีกในประเทศฝรั่งเศสลดลง 24% ในเดือนมีนาคม 2563 เมื่อกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการปิดเมืองทั่วประเทศ โดยตัวเลขจากธนาคารกลางของประเทศ ได้แสดงยอดขายของค้าปลีกในไตรมาสแรกเดือนมีนาคมลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่า ยอดขายของห้างสรรพสินค้าลดลง 19.3% ร้านค้าปลีกขนาดเล็กลดลง 9.6% ในขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้น 7.4% เนื่องจากความตื่นตระหนกในการซื้อก่อนปิดเมือง
 
ค้าปลีกเอเชีย ระส่ำไปตามกัน 
 
ภาพจาก bit.ly/2VvTML6

สมาคมผู้ค้าปลีกมาเลเซียประเมินว่า ยอดค้าปลีกทั้งปีจะลดลง 5.5% หากยกเลิกการเดินทางของประชาชนในสิ้นเดือนเมษายน หลังจากมีการขยายออกไปอีกตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมถึง 28 เมษายน 2563
 
ขณะที่ ยอดค้าปลีกเดือนกุมภาพันธ์ของฮ่องกงลดลง 44% และสิงคโปร์ลดลง 10% (ไม่รวมยานยนต์) ยอดค้าปลีกของอินโดนีเซียลดลงเพียงเล็กน้อยร้อยละ 0.8 
 
สำหรับมูลค่าตลาดค้าปลีกในประเทศไทยปี 2563 EIC วิเคราะห์ว่าจะหดตัวราว 14% หรือคิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปราว 5 แสนล้านบาท จากมูลค่าตลาดค้าปลีกปี 2562 ที่อยู่ที่ราว 3.5 ล้านล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานว่าธุรกิจค้าปลีกปิดดำเนินการประมาณ 2 เดือน และสถานการณ์การติดเชื้อเริ่มคลี่คลายจนสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติในไตรมาส 3 
 
จากความกังวลจากสถานการณ์การดังกล่าวสิ่งที่เห็นตามมาคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ผู้บริโภคเริ่มพฤติกรรม panic buy ในสินค้าจำเป็นบางหมวด ขณะที่ความต้องการสินค้าไม่จำเป็นจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
 
โดยแนวโน้มการที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน ส่งให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันมาซื้อสินค้าออนไลน์และทำกิจกรรมเพื่อความบันเทิงต่างๆ ภายในบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความต้องการสินค้าบางประเภทมากขึ้น 
 
โดยเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค และแม้ว่าธุรกิจค้าปลีกโดยรวมจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก แต่ยังมีบาง segment ที่ยังสามารถเติบโตได้ในช่วงวิกฤต อาทิ ร้านสะดวกซื้อและอีคอมเมิร์ซ
 
กลยุทธ์ค้าปลีกรับมือโควิด-19 
 
ภาพจาก pixabay.com
  1. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าและโลจิสติกส์
  2. เน้นขายออนไลน์และเพิ่ม customer engagement ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยที่ผู้ที่ยังไม่เคยขายผ่านช่องทางออนไลน์ อาจต้องเริ่มหาลู่ทางการขายออนไลน์ หรือ ผู้ที่มีช่องทางอยู่แล้ว อาจต้องเตรียมรับมือกับการเพิ่มขึ้นของยอดขายอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็น
  3. ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคและพนักงานเป็นอันดับแรก เน้นปรับปรุงการบริการต่างๆ เพื่อแสดงออกถึงความเอาใจใส่ และห่วงใยต่อทั้งผู้บริโภคและพนักงาน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอาจปรับเวลาทำการของร้านค้า เสริมสร้างภาพลักษณ์ของร้านค้า เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและความประทับใจจากผู้บริโภค โดยอาจนำเอาบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
  4. เตรียมความพร้อมสำหรับการให้บริการภายหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลาย ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของการบริหารจัดการสต็อกสินค้าและ supply chain เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะกลับมาฟื้นตัวภายหลังวิกฤต
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter 
 
อ้างอิงข้อมูล
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
631
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
548
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
495
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
464
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
446
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
441
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด