ที่ผ่านมาเราได้เห็นข่าวข่าวบ่อยครั้ง เกี่ยวกับเชนร้านฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ต่างๆ ของโลก ทยอยเปิดตัวเมนู Plant-based Meat หรือ เนื้อจากพืช คือเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช โดยใช้กระบวนการแปรรูปพืช ให้ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์มากที่สุด

 

ล่าสุดเชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง สตาร์บัคส์ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Beyond Meat ในประเทศจีน เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชอบทานเนื้อสัตว์ แต่เป็นเนื้อสัตว์ที่ทำมาจากพืชและสารธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับเครือเชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่อย่างสตาร์บัคส์ด้วย ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญของ Luckin Coffee เชนกาแฟท้องถิ่นจีน  

ภาพจาก cnb.cx/2VLOaMN

 

ปัจจุบันสตาร์บัคส์ด้ำการเปิดให้บริการร้านกาแฟใหม่อีกครั้งในประเทศจีนมากกว่า 95% หลังจากปิดร้านชั่วคราว เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนกับเชนฟาสต์ฟู้ดชื้อดังของโลกในจีน ที่ปิดร้านเป็นการชั่วคราวก่อนหน้านี้ โดยสตาร์บัคส์จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Beyond Meat เมนูใหม่ในประเทศจีนวันพุธ (22 เม.ย.63) 

 

สำหรับผลิตภัณฑ์เมนูใหม่ของสตาร์บัคส์ ได้แก่ Beyond Meat ทำจากเนื้อวัว และเนื้อหมู Omnipork ในฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต และ สตาร์บัคส์ยังเปิดตัวนมข้าวโอ๊ตของ Oatly เพื่อผู้บริโภคชาวจีน

ภาพจาก bit.ly/2Vt48wz

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา หลายๆ บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ได้สร้างเมนูเนื้อสัตว์ที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์นำเสนอต่อผู้บริโภค เช่น Beyond Meat และ Impossible Foods รวมถึงผลการศึกษาที่แสดงถึงผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และกินอาหารจากพืชมากขึ้นแทน

ภาพจาก bit.ly/34SfUUj

 

ความร่วมมือของ Beyond Meat กับ สตาร์บัคส์ ในครั้งนี้ เพื่อทำตลาดในประเทศจีน โดยผู้ผลิตเนื้อสัตว์จากพืชมีแผนที่จะขยายการผลิตไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียช่วงปลายปี 2563 แม้ว่าจะมีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขายเนื้อสัตว์ที่ปราศจากเนื้อสัตว์ให้กับผู้บริโภคชาวจีน

 

นอกจากนี้ Beyond Meat ยังได้ร่วมมือกับ Starbucks เพื่อนำเสนอแซนด์วิชจากพืชไปยังร้านกาแฟสาขาต่างๆ ในแคนาดา โดยพบว่าหุ้นของ Starbucks มีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 88.4 พันล้านเหรียญสหรัฐลดลง 14% ในปี 2563 ขณะที่หุ้นของ Beyond มีมูลค่าตลาด 4.91 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 5% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ภาพจาก bit.ly/3buNEcD

 

 

อ้างอิงข้อมูล 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)