บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
1.3K
3 นาที
17 พฤศจิกายน 2564
ถ้าเงิน “ไม่มีใช้” เราควรทำอย่างไรดี?
 

“ไม่มีเงิน” เป็นคำที่ทุกคนไม่อยากเจอ แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร บวกกับสถานการณ์แพร่ระบาด COVID ที่ยังไม่คลี่คลายซ้ำเติมให้ฐานะการเงินของเรายิ่งแย่ ข้อมูลน่าสนใจระบุว่าการสั่งปิดกิจการมีผลอย่างมากต่อตลาดแรงงาน พร้อมประเมินว่า หากยืดเยื้อถึงสิ้นปี คาดว่าจะส่งผลให้ตัวเลขอัตราการว่างงานของปีนี้ อยู่ที่ร้อยละ 2.5-3 ส่วนตัวเลขของผู้ว่างงาน อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านคน

www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนคิดตอนนี้คือแผนรับมือว่าในช่วงเวลาต่อจากนี้หากเราไม่มีเงิน หรือมีเงินเหลือน้อย ควรทำอย่างไรดี
 
1.ลดรายจ่ายให้เหลือเท่าที่จำเป็น
 

ภาพจาก freepik.com/

หากเกิดปัญหาเงินขาดมือสิ่งแรกที่ต้องทำทันทีคือ “รัดเข็มขัดให้แน่น” หมายถึงเราต้องจัดสรรระเบียบการจับจ่ายใช้สอยใหม่ทั้งหมด อะไรที่เคยจ่ายโดยไม่จำเป็น จ่ายเพราะความเคยชิน จ่ายเพราะความชอบ ต้องหยุดทั้งหมด รายจ่ายที่จะออกจากกระเป๋าต่อจากนี้ต้องมีความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งถ้าจะให้มองเห็นภาพก็กำหนดเงินที่ควรใช้ในแต่ละวันของตัวเองว่าเท่าไหร่เช่นใช้วันละ 100 ซึ่งก็ต้องมาคำนวณดูก่อนว่าเรามีค่าใช้จ่ายหลักๆอย่างไรบ้างเช่น ค่ารถ ค่ากิน ทั้งนี้อย่าลืมจัดทำเรื่องบัญชีซึ่งอาจจะทำให้เราพบรูรั่วทางการเงินที่ชัดเจนมากขึ้นก็ได้
 
2.ไม่สร้างหนี้เพิ่ม
 

ภาพจาก freepik.com/

ปัญหาสำคัญเมื่อเงินขาดมือส่วนใหญ่เรามักจะเลือกไปหากู้ยืมจากแหล่งการเงินโดยเฉพาะพวกบัตรกดเงินสดทั้งหลาย ที่มักจะมีการเพิ่มวงเงินให้เราในยามจำเป็น ซึ่งมันก็เป็นผลดีในช่วงแรกๆ แต่ในระยะยาวกลับกลายเป็นหนี้สินแบบดินพอกหางหมู เพราะเป็นเรื่องยากที่เราจะหาเงินมาจ่ายชำระได้ทัน ยิ่งการจ่ายอัตราขั้นต่ำใช่ว่าจะตัดยอดเงินกู้ให้เหลือน้อยได้ดีไม่ดีจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น จากภาระเดิมที่เงินขาดมือก็จะยิ่งมีปัญหาการเงินเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวทีเดียว
 
3.หารายได้เสริม
 

ภาพจาก freepik.com/

เมื่อไม่แนะนำให้ไปกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งคือหารายได้เข้ามาเสริมเป็นการด่วน เงินขาดมือจะมานั่งงอมืองอเท้าเสี่ยงโชคลุ้นดวงอยู่กับบ้านไม่ได้ ต้องหาอะไรก็ได้ที่ทำแล้วได้เงิน ไม่ว่าจะเป็นงานพิเศษ งานพาร์ทไทม์ งานฟรีแลนซ์ต่าง ๆหรือแม้แต่การเลือกลงทุนขายของแบบที่ไม่ต้องใช้เงินทุนมากแต่หากมองเห็นว่าเป็นช่องทางที่จะทำให้มีรายได้หมุนเวียนได้บ้างก็ควรลงมือทำอย่าได้ชักช้า
 
4.รีไฟแนนท์
 
ภาพจาก freepik.com/

สาเหตุสำคัญของการเป็นหนี้ เงินชักหน้าไม่ถึงหลังส่วนหนึ่งเกิดจากภาระทางสินทรัพย์ที่เราต้องผ่อนไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถยนต์ ซึ่งรายจ่ายในส่วนนี้หากใครเคยมีประสบการณ์พบว่าแต่ละเดือนมีรายจ่ายไม่ต่ำกว่าหลัก 10,000 ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงเอาเรื่องแต่เราก็มีวิธีการรีไฟแนนท์ที่จะช่วยลดดอกเบี้ยเหล่านี้ให้น้อยลง เราสามารถชำระได้ในวงเงินที่ถูกลง ซึ่งการรีไฟแนนท์ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน แต่ทุกที่มีข้อกำหนดนี้เอาไว้ซึ่งเราก็ควรใช้ช่องทางนี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
 
5.เปลี่ยนสินทรัพย์ให้เป็นเงิน
 

ภาพจาก freepik.com/

ถ้าการหารายได้เสริมยังไม่ทันการณ์หรือภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังของเรามันรุนแรงมากวิธีการที่จะหาเงินสดมาเสริมสภาพคล่องได้ดีที่สุดก็คือเปลี่ยนสินทรัพย์ให้เป็นเงิน ซึ่งยุคนี้ไม่ว่าจะรถยนต์ บ้าน ที่ดิน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทั้งสิ้นเพียงแต่หลังจากได้เงินสดเหล่านี้มาก็เท่ากับเรามีปัญหาหนี้สินตามมาด้วยเช่นกัน หรือเราอาจจะเลือกการจำนำทอง หรือสินทรัพย์ที่เราไม่ต้องการไถ่คืนเช่น โทรทัศน์ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ภายในบ้านที่เราไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็อาจเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์เหล่านี้มาเป็นเงินสดประทังชีวิตในยุคเงินขาดมือไปพลางๆก่อนได้
 
6.หาเงินทุนแบบไม่มีดอกเบี้ย
 

ภาพจาก freepik.com/

เราไม่แนะนำให้หาเงินทุนจากแหล่งที่มีดอกเบี้ย เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มภาระให้ตัวเองมีปัญหามากขึ้น แต่หากเรามีคนรู้จัก ญาติสนิท เพื่อน พ่อแม่ พี่น้องที่พอจะให้ความช่วยเหลือเราได้ในเรื่องเงินทุน ก็อาจจำเป็นที่ต้องไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งข้อดีของการยืมเงินจากบุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่มักไม่มีดอกเบี้ยแต่อย่างไรก็ตามต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเงินที่ยืมคนอื่นมาจะต้องหามาใช้ทุกบาททุกสตางค์และห้ามเบี้ยวหนี้เป็นอันขาด เนื่องจากวันหนึ่งในอนาคตหากเกิดปัญหาเงินขาดมือจะได้มีที่พึ่งพิงยามยากได้
 
7.รับความช่วยเหลือจากโครงการภาครัฐ
 
ภาพจาก https://bit.ly/3oyZjyV

ปัจจุบันในเดือนสิงหาคม 2564 ยังมีความช่วยเหลือจากภาครัฐที่ยังไม่สิ้นสุดมาตรการ อาทิ ขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าและประปา , คนละครึ่ง เฟส 3 , เงินเยียวยาจากประกันสังคม สำหรับ 9 กิจการในพื้นที่สีแดงเข้ม โดย 13 จังหวัดจะได้รับเงิน 2,500-10,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม) แม้มาตรการเหล่านี้จะไม่ได้ทำให้ฐานะการเงินเราดีขึ้นแต่อย่างน้อยก็ช่วยลดรายจ่ายของเราได้ในระดับหนึ่ง
 
8.บริหารการเงินให้เป็นระบบ
 
และเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเงินขาดมือกลับมาหาเราได้อีกเราควรมีระบบการบริหารการเงินที่ชัดเจน มีการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่ายที่มีคุณภาพ มีการแบ่งเงินออกเป็นหมวดหมู่ทั้งเงินที่ควรเก็บออม เงินใช้ในยามฉุกเฉิน เงินที่ใช้สำหรับลงทุน เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แม้จะดูเป็นเรื่องละเอียดที่ยุ่งยาก แต่การมีวินัยทางการเงินและจัดระเบียบการเงินได้ดีจะทำให้เรารู้เส้นทางการเงินที่เรามีอยู่ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเงินขาดมือในระยะยาวได้
 
9.ยื่นรับเงินชดเชยจากประกันสังคม กรณีว่างงาน-ลาออก-ถูกเลิกจ้าง
 
ภาพจาก https://bit.ly/3FmnqYu

คนที่ไม่ได้ทำงานเพราะถูกกักตัว 14 วัน หรือไม่ได้ทำงานเพราะรัฐสั่งให้หยุดกิจการชั่วคราว และไม่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้างในช่วงนี้ สามารถยื่นเรื่องรับเงินทดแทนกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยได้ โดยจะได้รับเงิน 50% ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะเวลาที่มีการกักตัว หรือมีคำสั่งปิดสถานที่ แล้วแต่กรณี คราวละไม่เกิน 90 วัน

และนายจ้างต้องยื่นหนังสือรับรองการหยุดงานของลูกจ้างอันเนื่องจากเหตุสุดวิสัย หรือคนที่ลาออกเองหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างในช่วงสถานการณ์COVID19 จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 45% ไม่เกิน 90 วัน/ปีปฏิทิน รวมถึงคนที่ถูกเลิกจ้างหรือไล่ออกในช่วงสถานการณ์COVID19 จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 70% ไม่เกิน 200 วัน/ปีปฏิทิน
 
10.ต้องขยัน และอย่ายอมแพ้
 

ภาพจาก freepik.com/

เมื่อไม่มีเงินสิ่งที่เราต้องทำอย่างแรกคือทำใจยอมรับ และหาวิธีแก้ปัญหา โดยที่กล่าวมาข้างต้นคือแนวทางแก้ปัญหาแต่สำคัญไม่แพ้กันคือนับแต่นี้เราต้องขยันและห้ามท้อแท้ ปัญหาที่เกิดอาจเป็นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งหรืออาจจะเป็นระยะเวลานาน เราควรหาวิธีแก้ไขเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาใช้สติคิดให้รอบคอบ จะทำให้เรามองหาทางออกที่ดีที่สุดได้
 
เมื่อไม่มีเงินใช้ 3 สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด
 
คนส่วนใหญ่เมื่ออยู่ในสถานการณ์จนตรอกคิดอะไรไม่ออกมักหาทางออกที่ผิดวิธีแทนที่จะดีขึ้นบางทีกลับทำให้จมดิ่งลงไปมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่มีเงินมีคำแนะนำว่าไม่ควรทำ 3 สิ่งต่อไปนี้
 
1.หาเงินจากการเล่นการพนัน
 

ภาพจาก freepik.com/

นอกจากไม่ใช่การหาเงินให้อยู่รอดบางทีอาจซ้ำเติมให้เราเป็นหนี้หนักยิ่งขึ้น อย่าคิดว่าจะหาเงินด้วยวิธีสบายๆ และได้เงินเป็นก้อนจากวิธีนี้เด็ดขาด
 
2.กดเงินสดจากบัตรจนเต็มวงเงิน
 

ภาพจาก freepik.com/

บัตรเครดิตเหมือนดาบสองคม ถ้ารู้จักใช้ก็มีประโยชน์มากแต่ในสถานการณ์ที่เราไม่มีเงินใช้ การไปกดเงินสดจากบัตรเท่ากับการสร้างหนี้ แน่นอนว่าเราจะมีปัญหาเรื่องการใช้หนี้ในอนาคตด้วย
 
3.กู้เงินนอกระบบ
 

ภาพจาก freepik.com/

ดอกเบี้ยจากเงินกู้นอกระบบแพงมากบางทีสูงถึงร้อยละ 20 และยิ่งเราไม่มีรายได้ไม่มีเงินทุนสำรอง การได้เงินก้อนจากวิธีนี้จะยิ่งกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอ สุดท้ายก็เจอปัญหาหนักกว่าเดิมเมื่อไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยที่โหดมาก
 
คำแนะนำเบื้องต้นหากเราต้องตกงาน โดนลดเงินเดือน รายได้ไม่พอรายจ่าย สิ่งแรกคือต้องพยายามหาทางออกที่ไม่ใช่การเพิ่มปัญหาให้มากขึ้น สำรวจศักยภาพตัวเองว่าสามารถทำอะไรได้บ้างและพยายามเปลี่ยนสิ่งรอบตัว เปลี่ยนความสามารถให้กลายเป็นรายได้ แม้อาจไม่ใช่เงินก้อน แต่หากมีรายได้แม้เพียงเล็กน้อยเข้ามาทุกวันอย่างน้อยก็พอจะประคับประคองชีวิตให้ก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
500
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด