บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.4K
3 นาที
12 มกราคม 2565
รวมเทคนิคธุรกิจปรับกลยุทธ์ สู้ "โอมิครอน"
 

สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด 19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” นับถึงตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย หลังปีใหม่นี้จะเป็นการระบาดระลอกที่ 5 ซึ่งแน่นอนว่าภาคธุรกิจที่กำลังฟื้นตัวคงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่อย่างน้อยก็มีข้อมูลที่ยังพอให้เบาใจว่าสายพันธุ์โอมิครอนแม้จะระบาดเร็วแต่อาการของโรคจะไม่หนักเหมือนที่ผ่านมา

ถึงกระนั้น www.ThaiFranchiseCenter.com แนะนำว่าภาคธุรกิจเองควรมองหาวิธีรับมือกับโควิด 19 ในระลอกนี้ให้ดีแม้จะเคยมีประสบการณ์จาก 2 ปีที่ผ่านมาอยู่บ้าง แต่หากผ่านระลอกนี้ไปได้อาจเป็นจุดเริ่มในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
 
ผลกระทบด้านธุรกิจที่เกิดจาก “โอมิครอน”
 

โควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่ได้สร้างผลกระทบแค่ในประเทศแต่ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกก็โดนเล่นงานอย่างหนัก ซึ่งข้อมูลจากการวิเคราะห์ระบุว่า ราคาดัชนีหุ้นทั่วโลกมีโอกาสร่วงลงได้อีก 15-20% ขณะที่หลายประเทศได้แก่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อิสราเอล ได้ประกาศล็อกดาวน์ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับตลาดแรงงานไทย ตัวเลขว่างงานไตรมาส 3 ปี 2564 ขยายตัวสูงถึง 2.3% สูงสุดในรอบ 5 ปีมีผู้ว่างงานรวมกันถึง 1.77 ล้าน และที่น่าห่วงคือเด็กจบใหม่ที่จะเข้ามาอีกราว 4.9 แสนคนช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 65 ที่จะเผชิญความยากลำบากในการหางาน 
 
ซึ่งตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่า ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2564 มีลูกหนี้ที่รับความช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน จำนวนถึง 6.69 ล้านบัญชี เป็นยอดเงิน 3.83 ล้านล้านบาท ขณะที่ภาครัฐได้ใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด 2 ปีที่ผ่านมาไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท

และหากมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนตามคาดการณ์ก็เชื่อว่าจำเป็นต้องมีการเพิ่มงบในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ดีการจะฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไป จำเป็นที่ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจต้องร่วมด้วยช่วยกัน โดยมีกลยุทธ์ที่ภาคธุรกิจควรนำมาใช้ดังต่อไปนี้
 
รวมเทคนิคธุรกิจปรับกลยุทธ์ สู้ "โอมิครอน"
1.ธุรกิจต้องสนับสนุนพื้นที่ให้เป็นจุดฉีดวัคซีนมากที่สุด

 

แม้จะไม่แน่ชัดว่าวัคซีนที่มีอยู่จะต้านโอมิครอนได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน แต่อย่างน้อยวัคซีนก็คือทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่ดี ดังนั้นถ้าหวังจะลดความรุนแรงในการแพร่ระบาดภาคธุรกิจอาจต้องให้ความร่วมมือภาครัฐในการเปิดพื้นที่เป็นจุดฉีดวัคซีนเพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งประเทศ

2.วางแผนธุรกิจให้สอดคล้องสถานการณ์ ฟังเสียงลูกค้าให้มากขึ้น
 
ธุรกิจจำเป็นต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้ยืดหยุ่นขึ้น โดยขอฟีดแบคจากลูกค้า เพื่อนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาต่อยอดธุรกิจ แล้วถ้าไอเดียถูกนำมาใช้จริงลูกค้าก็จะรู้สึกประทับใจ รวมถึงเจ้าของกิจการควรให้พนักงานระดับปฏับัติการมีส่วนร่วมในการวางแผนกับฝ่ายบริหารเพราะพนักงานเหล่านี้คือคนที่ใกล้ชิดลูกค้ามากที่สุด
 
3.ยอมลดต้นทุนหรือตัดสินค้าในบางรายการออก
 

ภาพจาก www.freepik.com

ในสถานการณ์ที่รายได้ไม่ชัดเจน ยอดขายไม่แน่นอน การยอมลดต้นทุนหรือตัดสินค้าบางตัวออกไปก่อน เน้นขายสินค้าที่ลูกค้าจ่ายไหว หรือเป็นสินค้าที่สำคัญและจำเป็นเท่านั้นก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี แต่ถ้าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นเราต้องกลับมาขายสินค้าตัวที่ยกเลิกไปเพื่อให้ความรู้สึกของลูกค้ากลับคืนมาเหมือนเดิม
 
4.เจ้าของธุรกิจต้องทำความเข้าใจกับพนักงานให้มากขึ้น
 
ในช่วงเวลานี้เจ้าของกิจการต้องพูดคุยกับพนักงานให้มากขึ้น อธิบายถึงแผนงานและเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อปรับความเข้าใจและไม่ให้พนักงานเข้าใจองค์กรผิดๆ เกี่ยวนโยบายในการดำเนินงาน เพื่อให้พนักงานรู้สึกสบายใจและจะได้มีแรงกายแรงใจในการทำงานให้กับองค์กรต่อไปได้

5.ให้ความสำคัญกับฐานลูกค้าเก่า
 

การหาลูกค้าใหม่ในช่วงนี้อาจจะยากดังนั้นทางที่ดีต้องรักษาฐานลูกค้าเก่าเอาไว้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเจอกับวิกฤติแบบไหน แต่ถ้าเรามีฐานลูกค้าในมือโอกาสฟื้นกลับคืนมาก็ไม่ยาก เหมือนอย่างที่โรงแรมในเครือ Marriot ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยกเลิกการจองห้องพัก แต่ทางโรงแรมก็ได้แจ้งผ่านอีเมลล์ไปยังลูกค้าทุกคนว่าจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน ถือเป็นการสร้างความประทับใจและรักษาฐานลูกค้าได้อย่างดี

6.บริหารแผนการเงินอย่างมีคุณภาพ
 
บทเรียนจาก 2 ปีที่ผ่านมาทำให้หลายธุรกิจให้ความสำคัญกับวิธีบริหารการเงินมากขึ้น แผนการเงินที่ดีจึงควรเตรียมเงินสดที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละเดือนให้ชัดเจน มีแหล่งเงินทุนที่พร้อมจะหาในยามเกิดวิกฤติ และต้องรู้กำไร-ขาดทุนในธุรกิจได้ชัดเจน และที่สำคัญควรมีเงินทุนสำรองในกรณีฉุกเฉินด้วย

7.เพิ่มช่องทางขายออนไลน์ให้มากขึ้น
 

ในช่วงการแพร่ระบาดนั้นผู้บริโภคกว่า 89% ใช้เวลาไปกับการการซื้อของออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งเพื่อความอยู่รอด หลายอุตสาหกรรมต่างปรับตัวสร้างช่องทางจำหน่ายบนตลาดออนไลน์ของตัวเอง ส่งผลให้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และวิธีนี้ก็เป็นสิ่งที่ธุรกิจควรทำเพราะแม้การแพร่ระบาดจะผ่านไปช่องทางออนไลน์ก็ยังมีประสิทธิภาพในอนาคตด้วย

8.รู้จักใช้ Data Driven ให้เกิดประโยชน์
 
ธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้ Data Driven หรือการขับเคลื่อนหรือการดำเนินงานด้วยข้อมูลให้เกิดประโยชน์พื้นฐานของการตลาดแบบ Data Driven ที่แข่งกันว่าใครใช้ Data เก่งกว่ากัน และไม่ได้จำกัดอยู่ที่การยิงโฆษณา แต่เป็นการทำ Promotion การใช้ Performance Marketing และการทำ Personalisation รวมไปถึงการทำ CRM ที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มยอดขาย

9.การสร้าง Brand Awareness เป็นสิ่งสำคัญ
 

ธุรกิจจะอยู่รอดเจ้าของกิจการต้องไม่ลดการลงทุนสื่อเพื่อสร้างการจดจำ ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มความมั่นใจและเชื่อใจในระยะยาว อีกทั้งเป็นการลดโอกาสในการถูกคู่แข่งแย่งผู้บริโภคไปในการแข่งขันเรื่องราคา และโปรโมชันที่เข้มข้นขึ้น
 
10.เตรียมแผนสำรองในกรณีฉุกเฉิน
 
แม้จะมีการวางแผนการเงินที่ดี แต่ก็ควรมีแผนสำรองอื่นๆ ร่วมด้วย เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินถ้าแผนหลักไม่สามารถทำตามได้การทำงานจะได้ไม่สะดุดเพราะสามารถเปลี่ยนไปใช้แผนสำรอง อย่างน้อยก็จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้า และหากสถานการณ์แพร่ระบาดไม่รุนแรงตามคาดหรือว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น การฟื้นตัวก็จะง่ายขึ้นด้วย
 
นอกจากนี้วิธีอื่นๆที่น่าสนใจในการปรับสู้การแพร่ระบาดของโอมิครอนที่ธุรกิจควรมีเช่นมีซัพพลายเออร์ที่ช่วยให้ต้นทุนลดลงได้, วิเคราะห์สินค้าที่ขายไม่ได้ให้ตัดออกไปก่อนหรือการปรับเวลาเปิดปิดร้านเพื่อประหยัดค่าน้ำค่าไฟ หรือควรลดต้นทุนค่าโฆษณาลงเท่าไหร่ เป็นต้น
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
608
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
502
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
420
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
409
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด