บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
913
2 นาที
1 กันยายน 2566
Carbon Credit รู้ก่อน! รวยก่อน! วิถีเกษตรยุคใหม่!

 

“Carbon Credit” มีจุดเริ่มต้นในปี 1997 ที่บรรดา 37 ประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วตื่นตัวในการสร้างสมดุลให้ชั้นบรรยากาศ ต่อมาในปี 2015 ได้มีการกำหนดเป้าหมายรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส นำไปสู่การกำหนดหลักการซื้อขายก๊าชเรือนกระจกโดยอนุญาตให้ผู้ที่ลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย สามารถขายสิทธิ์การปล่อยก๊าชเรือนกระจกที่เหลือให้แก่ผู้อื่นได้ หรือก็คือ “คาร์บอนเครดิต” นั่นเอง
 
Carbon Credit คืออะไร? 


ภาพจาก freepik.com

Carbon Credit เปรียบเสมือนสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อแต่ละโรงงานถูกกำหนดให้ปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แต่การผลิตขนาดใหญ่ทำให้จำเป็นต้องปล่อยเกินปริมาณที่กำหนดไว้ จึงจำเป็นต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิตจากผู้ผลิตรายอื่น คล้ายๆ กับการซื้อโควตาเพิ่ม ไม่เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าปรับและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

โดยปัจจุบันทั่วโลกมีการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกันมากกว่า 7 พันล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในประเทศไทยหน่วยงานที่ดูแลจัดการเรื่องก๊าซเรือนกระจกและเป็นศูนย์กลางข้อมูลให้ความรู้ด้านคาร์บอนเครดิต คือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ภายใต้สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 
ตลาด Carbon Credit ที่เราควรรู้?

 
ภาพจาก freepik.com

Carbon Credit ที่ซื้อขายต้องอยู่ภายในขอบเขตที่แต่ละประเทศกำหนดไว้ว่าไม่ควรเกินค่ามาตรฐานเท่าใด ทำให้หลายบริษัทหันมาพัฒนากระบวนการผลิตของตนให้หันไปใช้สัดส่วนของพลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ตลาด Carbon Credit แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
  1. ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมระดับประเทศ หรือระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีผลผูกทางกฏหมาย หากธุรกิจใดไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษชัดเจน 
  2. ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ เป็นตลาดสำหรับเอกชน หรือธุรกิจที่ต้องการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจ ไม่ผูกพันกับกฏหมาย โดยสมาชิกสามารถตั้งเพดาน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยตัวเองได้ ซึ่งมีผลดีต่อภาคธุรกิจ SMEs ที่สนใจในพลังงานสะอาด และเริ่มต้นลงทุนเพื่อมุ่งลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ซึ่งอาจนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเครดิตคาร์บอนได้
ปัจจุบันตลาดคาร์บอนเครดิตในไทยเป็นแบบภาคสมัครใจ เพราะยังมีผู้ประกอบการน้อยราย โดยผู้ที่เข้าร่วมจะอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO และหากผ่านการรับรองก็จะได้รับเครดิตที่เรียกว่า TVERs (Thailand Voluntary Emission Reduction : T-VER) ที่สามารถนำไปใช้สิทธิในการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) ได้ 

ราคา Carbon Credit พุ่งสูงแบบก้าวกระโดดในไทย 

 
ภาพจาก freepik.com

ราคา Carbon Credit ในไทย อิงตามรายงานของ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ระบุว่า ราคาคาร์บอนเครดิตเฉลี่ยแล้ว มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
  • ราคาคาร์บอนเครดิต ปี พ.ศ. 2561 อยู่ที่ 21.37 บาท / tCO2eq
  • ราคาคาร์บอนเครดิต ปี พ.ศ. 2562 อยู่ที่ 24.71 บาท / tCO2eq
  • ราคาคาร์บอนเครดิต ปี พ.ศ. 2563 อยู่ที่ 25.76 บาท / tCO2eq
  • ราคาคาร์บอนเครดิต ปี พ.ศ. 2564 อยู่ที่ 34.34 บาท / tCO2eq
  • ราคาคาร์บอนเครดิต ปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ 107.23 บาท / tCO2eq
ทั้งนี้ จะเห็นได้ชัดว่าราคาคาร์บอนเครดิตในปี 2565 ก้าวกระโดดอย่างมาก เทียบเท่าราคา 3 ดอลลาร์ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) โดยราคาคาร์บอนเครดิตในแต่ละตลาดก็มีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเพราะมีการยึดค่ามาตรฐานที่แตกต่างกัน แต่สำหรับราคาคาร์บอนเครดิตโลก มีราคาประมาณ 25 ดอลลาร์ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)
 
เกษตรไทยไทยอยากขาย “Carbon Credit” ต้องทำอย่างไร?


ภาพจาก freepik.com
 
เกษตรกรไม่ว่าจะเป็นชาวสวนยาง ชาวนา หรือว่าชาวสวน ก็สามารถขาย Carbon Credit ได้ ยกตัวอย่างหากเป็นชาวสวนต้องมีคุณสมบัติคือ
  • มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ประเภทไม้ยืนต้นตั้งแต่ 10 ไร่ขึ้นไป  
  • มีเอกสารสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 
  • มีความรู้ในการประเมินการกักเก็บคาร์บอนและจัดทำเอกสารข้อเสนอโครงการ 
  • มีความสามารถในการจ้างผู้ประเมินภายนอกมาตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบข้อมูลก๊าซเรือนกระจก
ส่วนขั้นตอนการขายคาร์บอนเครดิตนั้นมี 2 ขั้นตอนหลัก ๆ คือ การรับรองและการขาย โดยมีรายละเอียดดังนี้


 ภาพจาก freepik.com

1. การรับรอง

จัดทำเอกสารเพื่อสมัครขอเข้าร่วมโครงการ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ https://ghgreduction.tgo.or.th) และตรวจสอบความใช้ได้โดยผู้ประเมินภายนอก เมื่อผ่านการประเมินก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนโครงการโดย TGO จากนั้นสามารถทำโครงการได้เลย พร้อมทำรายงานการติดตามประเมิน และตรวจสอบข้อมูลโดยผู้ประเมินภายนอกและให้การรับรอง Carbon Credit โดย TGO 

2. การขาย

เริ่มจากทำการลงทะเบียนสำหรับเปิดบัญชีในระบบทะเบียนคาร์บอนผ่านเว็บไซต์ http://carbonmarket.tgo.or.th/ จากนั้นสามารถทำการขายได้ 2 วิธี คือ ขายผ่านแพลตฟอร์ม FTIX อิงราคากลางของตลาด และขายให้กับผู้ซื้อโดยตรง ราคาจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงทั้ง 2 ฝ่าย

แม้ว่า Carbon Credit จะเป็นเรื่องใหม่ที่เกษตรกรหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่จริงหากศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด นอกจากการขายพืชผลการเกษตรที่ทำเป็นประจำแล้ว อาจเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้เราได้อีกมากโดยที่ไม่ต้องไปลงทุนเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด

 
ภาพจาก https://citly.me/QCOMT 

เรื่องน่ารู้!
มีต้นไม้กว่า 58 ชนิดที่เหมาะสมกับการปลูกเพื่อขาย Carbon Credit เช่นตะเคียนทอง , ตะเคียนหิน , สะเดา , นางพญาเสือโคร่งเป็นต้น โดยต้นไม้ยืนต้นเหล่านี้มีปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เฉลี่ยอยู่ที่ 9-15 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,789
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,394
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
700
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
634
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
560
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
489
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด