บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
1.1K
2 นาที
29 เมษายน 2567
Me Too Franchise ใครทำไร ฉันทำมั่งด้านมืดของวงการธุรกิจ!
 

การที่มนุษย์ลอกเลียนพฤติกรรมดารา นักร้อง เพราะหวังว่าเราจะเป็นที่ยอมรับเหมือนกับคนดังนั้นด้วยในทางธุรกิจก็ไม่ต่างกัน แบรนด์ไหนดัง สินค้าไหนดี แบบนี้ต้อง “ทำตาม” 
 
วิธีแบบใครทำไร ฉันก็ทำมั่ง เขาเรียกว่า Me Too Marketing เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในการดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้า โดยทำตามแบรนด์ใหญ่
 
สังเกตให้ดีว่าทุกวันนี้เราเห็น me too product อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมดทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม แชมพู สบู่ สกินแคร์ เครื่องปรุง ไปจนถึงแอปพลิเคชันต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • ยาคูลต์ VS บีทาเก้น VS เมจิ ไลฟ์
  • ลิโพ VS เอ็มร้อย VS กระทิงแดง VS ฉลามบุก VS คาราบาวแดง VS โลโซดี 
  • เป๊บซี่ VS โคล่า VS แฟนตา VS สไปท์
  • เลย์ VS ก๊อบกอบ VS เทสต์โต
  • ฮานามิ VS สแน๊คแจ๊ค VS ปาปริก้า
นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอีกหลายอย่างที่ล้วนแต่มีสินค้าในลักษณะที่ใกล้เคียงกันเพียงแต่ต่างแบรนด์ ต่างยี่ห้อ เป็นตัวเลือกให้คนได้ตัดสินใจซื้อมากขึ้น ถ้าจะมองในอีกมุมหนึ่ง Me Too Marketing ก็ไม่ต่างจากการที่ธุรกิจมีคู่แข่ง
 
เหตุผลที่ควรรู้ว่าทำไม Me Too Marketing ถึงได้รับความนิยม

  • ไม่ต้องลองตลาดใหม่ เพราะมีเจ้าแรกมาเปิดตลาดให้แล้ว มองเห็นผลชัดเจนว่าจะขายได้หรือขายไม่ได้
  • มีกลุ่มลูกค้าที่เชื่อว่าหากผลิตสินค้าออกมาจะต้องขายได้แน่ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่จำเจ
  • สามารถต่อยอดจากเจ้าเดิมที่ทำตลาดอยู่เพื่อให้สินค้าเราดีกว่าถูกใจลูกค้าได้มากกว่า
  • ทำตามย่อมง่ายกว่าทำเอง 
แต่ในมุมส่วนของแบรนด์ที่เลือกเป็นผู้ตาม การเข้าสู่ธุรกิจด้วยทางลัดแบบนี้ ถ้าอยากจะสลัดภาพของแบรนด์ว่าเป็นแค่ผู้ตามก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเอง ติดกับดักความสำเร็จที่อาศัยรากฐานจากแบรนด์อื่นแล้วอาศัยแค่กลยุทธ์การทำราคาที่ถูกกว่าหรือ การจัดโปรโมชันเพื่อสร้างยอดขายเพราะจะไม่เป็นการดีต่อการสร้างแบรนด์ในระยะยาว

สิ่งสำคัญต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ แล้วเร่งสร้างภาพจำให้คนอยากติดตาม โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างเช่นทุกวันนี้คนยังเรียกผงซักฟอกว่า “แฟ้บ” อะไรก็ตามที่มาที่หลังก็จะถูกเหมารวมว่าเป็น “แฟ้บ” ทั้งที่ก็มีชื่อแบรนด์ของตัวเอง แต่คนกลับไม่ค่อยจดจำตรงนั้น
 
 
ภาพของการเลียนแบบหรือทำตามกันยิ่งเด่นชัดมากในวงการแฟรนไชส์ ซึ่งเราอาจจะเรียกว่าเป็น Me Too Franchise ได้เช่นกัน อะไรที่ขายดี เปิดตัวมาแล้วคนฮิต มักจะเกิดธุรกิจที่ทำตามเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น
  • กระแสของร้านชานมไข่มุกที่ฮิตมาทุกยุคสมัย ตั้งแต่ราคา 25 บาท มาจนถึง ราคา 19 บาท หรือในยุคที่ฮิตกาแฟถุงกระดาษ สังเกตว่ามีคนแห่ทำตามกันมาก จนลูกค้าเลือกไม่ถูกว่าอยากได้สินค้าแบรนด์ไหน 
  • หรือ เจปัง ที่มีเมนูสุดฮิตอย่าง ขนมปังย่างเนย ใส่ไอศกรีม พอเปิดตัวมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ปรากฏว่ามีร้านที่ทำสินค้าในแบบเดียวกันนี้เยอะมาก 
  • ร้านหมูปิ้งก็ Me Too Franchise ในช่วงหนึ่งจะเห็นว่ามีคนมาทำธุรกิจนี้เยอะมากโดยเน้นทำเป็นหมูปิ้งเสียบไม้ส่งขายให้คนที่สนใจเอาไปขายต่อ ในภายหลังก็เริ่มเงียบเหงาและที่เหลืออยู่คือตัวจริงในธุรกิจนี้เท่านั้น
  • แม้แต่พวกแฟรนไชส์หม่าล่า , ชาบู , ร้านสะดวกซัก ก็ยิ่งชัดเจนว่าเกิด Me Too Franchise เยอะมาก ทำเลไหนที่เปิดมาแล้วลูกค้าสนใจมาก เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานเกินรอจะต้องมีแบรนด์อื่นมาเปิดแข่งในไม่ช้า

ทั้งนี้หลายคนอาจจะมองว่าสินค้าที่เลียนแบบ อย่างไรก็สู้แบรนด์ที่คิดค้นมาเจ้าแรกไม่ได้ แต่การไม่ได้เป็นเจ้าตลาด ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเลย อีกทั้งการเพิ่มคู่แข่งในตลาดสินค้า คนที่ได้เปรียบที่สุดก็คือ ผู้บริโภค ซึ่งสามารถเลือกสินค้าที่ดีที่สุด ในราคาที่พึงพอใจที่สุด
 
 
ในมุมกลับกัน Me Too Marketing ยังสะท้อนประโยชน์ในอีกหลายแง่มุม เหมือนที่ D. Johnson นักธุรกิจและนักเขียนชื่อดัง ได้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้ไอเดียธุรกิจแป้กจนหาคู่แข่งไม่ได้ มีอยู่ 4 ข้อ ได้แก่
  1. เป็นสินค้าที่ไม่มีใครต้องการ เช่น ตะเกียบติดพัดลม คอยช่วยเป่าให้อาหารร้อนเย็นเร็วขึ้น ไอเดียดูเท่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครคิดอยากทำตาม
  2. ตลาดเล็กเกิน เป็นสินค้าหรือไอเดียสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าน้อยจนแทบไม่คุ้มค่าในการลงทุนทำตาม มองเห็นแล้วว่าไม่มีกำลังซื้อแน่
  3. ธุรกิจไม่มีกำไร ถ้าเป็นการทำตามที่ประเมินแล้วว่าต้องขาดทุนนานหลายปี หรือมีความเสี่ยงสูง ไม่คุ้มค่าที่จะลงมาเสี่ยงสู้ด้วย
  4. อุปสรรคใหญ่เกินไปในการเข้าสู่ตลาด เช่น เป็นธุรกิจที่ต้องมีสัมปทาน ต้องทำประชาพิจารณ์ ต้องผ่านข้อกฎหมายสารพัด หรือต้องใช้เงินทุนสูงมาก ความยุ่งยากเหล่านี้ทำให้คู่แข่งไม่เกิดใหม่ง่าย ๆ 
โดยสรุปแล้ว Me Too Marketing = การแข่งขัน ซึ่งมีประโยชน์ที่จะกระตุ้นให้แต่ละแบรนด์พยายามหาวิธีการสื่อสาร และสร้างสรรค์การตลาดใหม่ ๆ เพื่อไม่ให้ถูกคู่แข่งแย่งตัวลูกค้าไปซึ่งเรื่องนี้ ก็จะช่วยให้แบรนด์สร้าง Engage และความผูกพันกับลูกค้าอีกทั้งช่วยให้แบรนด์ มีความ Active อยู่เสมอ มีการปรับตัวให้ก้าวทันคู่แข่ง และการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนขึ้นในระยะยาว
 
และยังเป็นการวัดพลังของแบรนด์ได้ดีด้วย ใครที่ไม่ใช่ตัวจริงรับมือกับการแข่งขันได้ไม่ดี หรือไม่เคยเจอการแข่งขันเลย ก็จะไม่มีภูมิต้านทานทางธุรกิจ และสุดท้าย สักวันก็คงต้องลาจากวงการไป เพราะการแข่งขันในโลกแห่งธุรกิจ นับเป็นการคัดสรรโดยกลไกตลาดให้เหลือเพียงตัวจริง ที่พร้อมจะก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
905
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
633
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
572
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
522
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
506
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
488
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด